(VOVworld) – หลังจากที่เข้าเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลกเป็นเวลา 5 ปี นอกจากการรับมือกับความท้าทายต่างๆแล้ว เวียดนามก็ยังมีความได้เปรียบหลายอย่าง เช่น ตลาดการส่งออกที่ขยายมากขึ้นและประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค
|
ภายหลัง 5 ปีที่เข้าเป็นสมาชิก WTO เวียดนามมีซูปเปอร์มาเก็ตเกิดใหม่ถึงร้อยละ 20
(Photo Internet)
|
ตามความคิดเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญ ภายหลัง 5 ปีที่เข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก เศรษฐกิจเวียดนามก็ได้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านการขายปลีกที่มีซูปเปอร์มาเก็ตเกิดใหม่ถึงร้อยละ 20และศูนย์การค้าอีกร้อยละ 72 รวมไปถึงร้านสะดวกซื้ออีกจำนวนมาก ซึ่งเป็นการสร้างโฉมใหม่ให้ภาคการขายปลีกและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคเวียดนาม สมาคมนักธุรกิจขายปลีกเวียดนามเผยว่า การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าขายและมีการหันมาให้ความสำคัญต่อการบริการดูแลสุขภาพและดูแลความงาม การท่องเที่ยว การทำประกันภัยและการศึกษา เป็นต้น นาง Nguyen Thanh Ha อาศัยอยู่ในแขวง Lo Duc กรุงฮานอยได้ให้ข้อสังเกตุว่า“
สินค้าในซูปเปอร์มาเก็ตมีคุณภาพดีกว่าสินค้าที่ขายตามตลาดทั่วไป และถึงแม้ราคาจะแพงกว่าข้างนอกแต่ก็ไม่มากนักและไม่มีการปรับราคาบ่อย อีกทั้งยังมีสินค้าให้เลือกอย่างหลากหลาย ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้าตามซูปเปอร์มาเก็ตมากขึ้น”
ปัจจุบัน ในเวียดนาม มีตลาดทั่วไปรวม 8.500 แห่ง ซูปเปอร์มาเก็ตกว่า 600 แห่งและมีศูนย์การค้าและร้านสะดวกซื้อรวมกันอีกประมาณ 100 แห่ง ซึ่งการขยายตัวดังกล่าวได้กระตุ้นความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น และผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็เห็นว่า ความหลากหลาย ความมีเสถียรภาพในด้านราคาและคุณภาพเป็นจุดแข็งของซูปเปอร์มาเก็ต นาง Nguyen Xuan Tuyet อาศัยอยู่ในเขต Hoang Mai กรุงฮานอยกล่าวว่า “ดิฉันคิดว่า สินค้าในซูปเปอร์มาเก็ตมีคุณภาพดีกว่า มีการแสดงราคาอย่างชัดเจ็นทำให้ไม่จำเป็นต้องต่อรองราคา และถ้ามีข้อสงสัยก็สามารถถามพนักงานของซูปเปอร์มาเก็ตได้ นอกจากนี้ก็มีสินค้ามากมายให้เราเลือกซื้อ ดังนั้นดิฉันจึงชอบซื้อสินค้าในซูปเปอร์มาเก็ตมากกว่า”
|
จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงแนวทางการพัฒนาของตลาดขายปลีกเวียดนาม
(Photo Internet)
|
นาง Dinh Thi My Loan อุปนายกและเลขาธิการสมาคมนักธุรกิจขายปลีกเวียดนามเผยว่า ควบคู่กับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงแนวทางการพัฒนาของตลาดขายปลีกเวียดนามควบคู่กันไปด้วย นั่นคือความร่วมมือเพื่อสร้างเครือข่ายการค้า ร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาในระยะต่างๆ เพิ่มความเป็นมืออาชีพ โดยเฉพาะให้ความสนใจต่อการฝึกอบรมแหล่งบุคลากรและการบริหารที่ทันสมัย ปัจจุบันนี้ ส่วนแบ่งตลาดของการขายปลีกสมัยใหม่ในเวียดนามบรรลุประมาณร้อยละ 20 ซึ่งสูงกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับก่อนเข้าเป็นสมาชิกของ WTO และก็มีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นต่อไป ส่วนสถานประกอบการขายปลีกภายในประเทศก็กำลังพัฒนาตัวแทนจำหน่ายในลักษณะระบบเครือข่ายและมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น แต่เพื่อให้ภาคการขายปลีกเวียดนามพัฒนามากขึ้น จำเป็นที่จะต้องมีกลุ่มบริษัทขายปลีกที่มีเงินทุนภายในประเทศและมีความเป็นมืออาชีพเพื่อร่วมมือกับกลุ่มบริษัทขายปลีกต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในเวียดนามเพื่อสร้างตัวแทนจำหน่ายตามพันธกรณีการเปิดตลาดขายปลีกของเวียดนาม./.