การประชุมส่งเสริมการส่งออกเวียดนามปี 2017 |
ในหลายปีมานี้ เวียดนามเป็นประเทศที่มีมูลค่าการส่งออกในระดับสูง แต่อย่างไรก็ตาม การเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ต่างๆยังน้อยมากและไม่มั่นคง ซึ่งสาเหตุมาจากการส่งออกผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่เป็นวัตถุดิบ ถึงแม้เวียดนามได้เข้าร่วมระบบห่วงโซ่อุปทานโลก แต่ยังไม่มีสินค้าส่งออกหลักที่มีมูลค่าสูงและสามารถครองส่วนแบ่งตลาดมากนัก ซึ่งเพื่อสามารถประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ สถานประกอบการต้องวางยุทธศาสตร์และมาตรการสำรวจความต้องการของตลาดอย่างเป็นรูปธรรม นาย เหงวียนกวางฟีติ๋ง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของบริษัท TH True milk ซึ่งเป็น 1 ในบริษัทที่ประสบความสำเร็จในการขยายตลาดในเกือบ 40 ประเทศได้เผยว่า
“พวกเรากำลังวิจัยและศึกษาตลาดต่างๆ เช่น ลาว เมียนมาร์และอินโดนีเซียเพื่อแสวงหาโอกาสการส่งออกและการค้า ส่วนการลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใดๆ ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานสากลและองค์การการค้าโลก หรือ WTO”
การส่งออกสินค้าของเวียดนามในปัจจุบันพึ่งพาตลาดโลกเป็นอย่างมาก ดังนั้นเมื่อความต้องการของตลาดโลกลดลงจะส่งผลกระทบในทางลบต่อมูลค่าการส่งออกของเวียดนาม เพราะฉะนั้นต้องผลักดันการปรับปรุงโครงสร้างการส่งออก ซึ่งปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมคิดเป็นร้อยละ 80 ของยอดมูลค่าการส่งออก แต่อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์การส่งออกส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปและวัตถุดิบ การแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตรยังไม่พัฒนา ตลอดจนปัญหาความปลอดภัยและสุขอนามัยด้านอาหาร ซึ่งทำให้มูลค่าการส่งออกของเวียดนามอยู่ในระดับตํ่า นาย เจิ่นแทงหาย รองอธิบดีกรมส่งออกนำเข้าสังกัดกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมได้เผยว่า เพื่อมุ่งสู่การส่งออกอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องเร่งเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์การส่งออก โดยต้องให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมประกอบ ประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการผลิตและพัฒนาตลาด
“สถานประกอบการต้องเป็นฝ่ายเดินหน้าในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้า การประชาสัมพันธ์และสร้างสรรค์เครื่องหมายการค้าเพื่อขยายตลาด ทำการวิจัยและวางแผนพัฒนาเครื่องหมายการค้าและขยายตลาดด้วยตนเอง นอกจากนี้ ต้องผลักดันความเชื่อมโยงกับสถานประกอบการอื่นเพื่อการพัฒนาอย่างเข้มแข็งมากขึ้น”
นาย หวอชี๊แถ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจได้เผยว่า รัฐต้องมีนโยบายส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมประกอบ เครื่องจักร ชิ้นส่วน สิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปและรองเท้า เป็นต้นเพื่อใช้ประโยชน์จากแหล่งพลังภายในประเทศ ซึ่งเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่การส่งออกผลิตภัณฑ์เกษตร ต้องสร้างความเชื่อมโยงในการจำหน่ายสินค้าระหว่างเกษตรกร สหกรณ์กับสถานประกอบการ พัฒนาเขตผลิตวัถุดิบและผลักดันการประยุกต์ใช้วิทยศาสตร์เทคโนโลยีในการผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์การส่งออก
“การส่งเสริมการค้ามีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่ง สำหรับระยะปัจจุบัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องทำการเชื่อมโยงกับประเทศมหาอำนาจและประเทศใหญ่ๆเพื่อยกระดับเครื่องหมายการค้าและเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าของเวียดนาม โดยเฉพาะสินค้าเพื่อการส่งออก ซึ่งเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว จำเป็นต้องทำการเชื่อมโยงกับท้องถิ่น สถานประกอบการและหุ้นส่วนต่างๆควบคู่กับการพัฒนาแหล่งบุคลากร”
เพื่อผลักดันการส่งออกตามแนวทางเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์การส่งออก ต้องการประสานงานระหว่างกระทรวงและหน่วยงานต่างๆในการปรับปรุงระเบียบการส่งออกนำเข้าให้มีความโปร่งใสเพื่อสร้างบรรยกาศที่เอื้อให้แก่การแข่งขัน ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่สำคัญเพื่อคํ้าประกันการส่งออกของเวียดนามที่มั่นคงและมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน.