การประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการระหว่างเวียดนามกับไทยครั้งที่๒ (Internet)

(VOVworld) - ท่านผู้ฟังคะ เหตุการณ์เด่นในความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับไทยในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาที่ได้รับความสนใจจากประชามติเป็นอย่างมากคือ การประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการระหว่างเวียดนามกับไทยครั้งที่๒ที่มีขึ้นเมื่อวันที่๒๗ ตุลาคมที่ผ่านมา ณ กรุงฮานอยภายใต้อำนวยการของท่านNguyễnTấnDũng นายกรัฐมนตรีเวียดนามและนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ที่ประชุมได้เน้นประเมินกระบวนการปฏิบัติข้อตกลงฉบับต่างๆที่ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุในการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมครั้งแรกเมื่อปี 2004 เห็นพ้องกับมาตรการเพื่อผลักดันความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างสองประเทศ ตลอดจนหารือเกี่ยวกับบางปัญหาทั้งในระดับภูมิภาคและโลกที่ทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสนใจ ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายกรัฐมนตรี NguyễnTấnDũng ได้เผยว่า “ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงปัญหาสำคัญและวางแนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์ร่วมมือในด้านต่างๆที่มีลักษณะยุทธศาสตร์ เช่น เศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคง การป้องกันประเทศ ตลอดจนปัญหาที่เป็นรูปธรรม เช่นการคุ้มครองแม่และเด็ก การขยายการเรียนการสอนภาษาไทยและภาษาเวียดนามในแต่ละประเทศและเห็นพ้องกันว่า จะยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้พัฒนาเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ เพื่อสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือ การพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคและโลก” 

คณะผู้แทนรัฐบาลเวียดนาม (Internet)

ที่ประชุมได้เห็นพ้องขยายความร่วมมือด้านการเมือง ความมั่นคง การป้องกันประเทศโดยขยายการไปมาเยี่ยมเยือนกันในทุกระดับ ร่างและปฏิบัติแผนปฏิบัติการในแต่ละระยะอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งสองฝ่ายยืนยันอีกครั้งถึงการห้ามบุคคลและอิทธิพลที่เป็นอริใช้ดินแดนของตนเพื่อเคลื่อนไหวต่อต้านอีกฝ่าย  ขยายและส่งเสริมความร่วมมือเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ ส่งเสริมความร่วมมือเพื่อต่อต้านผู้ก่อการร้ายทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี

สำหรับปัญหาด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันอีกครั้งถึงการผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน พยายามผลักดันให้มูลค่าการค้าต่างตอบแทนเพิ่มขึ้นร้อยละ๒๐ต่อปีและบรรลุ 1 หมื่น 8 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2015 ผลักดันความร่วมมือด้านการลงทุนและความเชื่อมโยงแนวเศรษฐกิจตะวันออกตะวันตกหรือ East-West Economic Corridor (EWEC) ผลักดันการเชื่อมโยงระหว่างสองประเทศผ่านการเปิดเส้นการบินระหว่างท้องถิ่นต่างๆ อำนวยความสะดวกและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถานประกอบการของสองประเทศ ตลอดจนผลักดันความร่วมมือในการผลิตข้าวและยางพารา นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้ย้ำว่า “ข้าพเจ้ามีความประสงค์ที่จะผลักดันความร่วมมือในการซื้อขายข้าวและยางพารากับเวียดนามเพื่อพยุงราคาและนำผลกำไรจำนวนมากมาให้แก่ทั้งสองประเทศ พร้อมทั้งฝากคำเชิญผู้ผลิตยางพาราเวียดนามเข้าร่วมการพบปะระหว่างผู้ผลิตยาพารารายใหญ่ของโลกที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดในเดือนธันวาคมนี้ สำหรับปัญหาข้าว ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่นว่า ทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสำคัญต่อความร่วมมือในด้านนี้”  

คณะผู้แทนรัฐบาลไทย (Internet)

สำหรับความร่วมมือภายในกลุ่มอาเซียน นายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านได้เห็นพ้องกันว่า  ทั้งสองประเทศจะขยายความร่วมมือกันและร่วมกับประเทศอาเซียนอื่นๆปฏิบัติเป้าหมายการพัฒนาประชาคมอาเซียนในปี๒๐๑๕ให้เป็นผลสำเร็จ  ผลักดันความสามัคคี ความร่วมมือและเชื่อมโยงภายในกลุ่มอาเซียน ธำรงบทบาทเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคของอาเซียน ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันถึงความตั้งใจที่จะร่วมมือกับประเทศริมฝั่งแม่น้ำโขงอย่างแน่นแฟ้นเพื่อใช้แหล่งน้ำอย่างยั่งยืน  ผู้นำทั้งสองท่านได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงการเคลื่อนไหวในทะเลตะวันออกที่มีขึ้นเมื่อเร็วๆนี้และย้ำถึงความสำคัญของสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัยในการเดินเรือในทะเลตะวันออก แก้ไขการพิพาทอย่างสันติบนพื้นฐานของการปฏิบัติตามกฏหมายและอนุสัญญาสหประชาชาติเกี่ยวกับกฏหมายทะเลปี๑๙๘๒ ปฏิบัติแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการปฏิบัติของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือดีโอซี แถลงการณ์อาเซียนเกี่ยวกับหลักการ๖ข้อว่าด้วยทะเลตะวันออกและฟื้นฟูการเจรจา มุ่งสู่การอนุมัติร่างระเบียบการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือซีโอซี  เวียดนามมีความเชื่อมั่นว่า ไทยในฐานะผู้ประสานความสัมพันธ์อาเซียน-จีนในช่วงปี๒๐๑๒ถึงปี๒๐๑๕จะมีส่วนร่วมผลักดันความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์อาเซียนจีนให้พัฒนายิ่งขึ้น มีส่วนร่วมให้แก่สันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคงและการพัฒนา ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายกรัฐมตรีทั้งสองประเทศได้เป็นสักขีพยานในการลงนามแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการประชุมครม.ร่วมเวียดนามไทยครั้งที่๒ แถลงการณ์ว่าด้วยวิสัยทัศน์ความมั่นคงเวียดนามไทยระยะปี๒๐๑๒ถึงปี๒๐๑๖และข้อตกลงจัดตั้งสภาธุรกิจเวียดนามไทย

เวียดนามมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง (Internet)

ในเดือนตุลาคมนี้ก็มีเหตุการณ์ที่น่าสนใจในด้านการท่องเที่ยวระหว่างเวียดนาม ไทยและกัมพูชา นี่คือการสัมมนาภายใต้หัวข้อ “ 3 ประเทศ 1 จุดนัดพบ” ที่ได้จัดขึ้น ณ เวียดนามโดยมีตัวแทนจากบริษัทนำเที่ยวของเวียดนาม ไทยและกัมพูชากว่า 60 บริษัทเข้าร่วม ในการนี้ บรรดาผู้แทนของสามประเทศได้แลกเปลี่ยนข้อมูล วิธีการจัดรายการทัวร์ เส้นทางท่องเที่ยวและประสบการณ์พัฒนารูปแบบบริการใหม่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว เป็นต้น การจัดการสัมมนาเป็นโอกาสเพื่อช่วยให้ผู้จัดรายการทัวร์ได้พบปะสังสรรค์กับหุ้นส่วนใหม่จากประเทศต่างๆในโลกเพื่อแสวงหาโอกาสการลงทุนและความเชื่อมโยงเพื่อร่วมกันพัฒนาการท่องเที่ยว./.
                                                                                                                                                Nguyễn Yến