คำสาบาน เงวียนบิ่งห์ เป็นคำสาบานที่สะท้อนความแข็งแกร่งและเป็นพื้นฐานช่วยให้กองทัพเวียดนามเติบโตและเข้มแข็งมากขึ้น

เรามาเยือนครอบครัวของนาย เยืองหมากทัง ลูกชายของนาย เยืองหมากแถก ซึ่งเป็นผู้ชี้นำทางการเมืองคนแรกของกองกำลังเวียดนามประชาสัมพันธ์เพื่อการปลดปล่อย ที่ตำบลมิงห์เติม อำเภอเงวียนบิ่งห์ จังหวัดกาวบั่งในช่วงเดือนธันวาคม นายทังเล่าว่า ในอดีต มีไม่กี่ครอบครัวที่อาศัยในพื้นที่นี้เนื่องจากพื้นที่โดยรอบเป็นป่าทึบที่มีสัตว์ร้ายจำนวนมาก แต่สิ่งนี้ก็ทำให้บ้านหลังเล็กนี้ของครอบครัวตนเป็นฐานที่มั่นที่ปลอดภัยเพื่อให้สมาชิกของพรรคซ่อนตัวทำการเคลื่อนไหวปฏิวัติ โดยเฉพาะท่านประธานโอจิมินห์เคยมาที่นี่ 2 ครั้งเพื่อชี้นำการเคลื่อนไหว ส่วนพลเอก หวอเงวียนย้าป ก็เคยอาศัยและชี้นำขบวนการปฎิวัติที่นี่ นาย ทัง บอกว่า เขาได้พบปะกับประธานโฮจิมินห์ พลเอก หวอเงวียนย้าปและเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ พ่อของเขาได้เดินตามการปฏิวัติและกลายเป็นผู้เดินหน้าในการปฏิวัติในท้องถิ่น นาย ทัง ได้เล่าเรื่องการก่อตั้งกองกำลังเวียดนามประชาสัมพันธ์เพื่อการปลดปล่อยที่ได้ฟังจากคุณพ่อว่า

“พลเอก หวอเงวียนย้าป ได้หารือกับคณะกรรมการชี้นำของกองกำลังเวียดนามประชาสัมพันธ์เพื่อการปลดปล่อยว่า อาหารมื้อแรกที่กินหลังจากการก่อตั้งอาจต้องกินอาหารจืดๆ  ไม่มีเกลือ ไม่มีผัก เพราะว่า เมื่อเข้าเป็นสมาชิกของกองกำลังฯ แล้วต้องออกรบ บางช่วงต้องเผชิญความลำบากมาก ซึ่งนี่เป็นการแสดงความมุ่งมั่นตั้งใจและเตรียมรับมือความท้าทายต่างๆ สำหรับสมาชิก บางคนมีเสื้อใส่แต่บางคนไม่มี โดยเมื่อก่อน อากาศหนาวกว่าตอนนี้มาก แต่ทุกคนก็พยายามรับมือ พวกเขามุ่งมั่นและกล้าหาญมาก”

คำสาบาน 10 ข้อ

สำหรับช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นี้ พลเอก หวอเงวียนย้าป ได้เขียนว่า “ ท่ามกลางอากาศที่หนาวจัดในฤดูหนาวที่เขตภูเขา ในพื้นที่กลางป่า สมาชิกกองกำลังเวียดนามประชาสัมพันธ์เพื่อการปลดปล่อยได้ชุมนุมภายใต้ธงชาติสีแดง โดยมีตัวแทนของจังหวัดกาว- บั๊ก –  หลาง และผู้แทนชนกลุ่มน้อยเผ่าต่างๆ ในจังหวัดกาวบั่งและบั๊กก๋าน เช่น ชนกลุ่มน้อยเผ่าไต่ หนุ่งและม้าน ยืน 2 แถวใกล้แถวของทหาร ผมได้รับมอบหมายในนามของกองกำลังเวียดนามประชาสัมพันธ์เพื่อการปลดปล่อยประกาศการก่อตั้งกองกำลังเวียดนามประชาสัมพันธ์เพื่อการปลดปล่อยและระบุหน้าที่ของกองกำลังฯ ต่อปิตุภูมิเวียดนาม”

ต่อจากนั้น ในการประชุมทหารบ้านทั่วประเทศครั้งแรกที่จัดขึ้น ณ อำเภอดิ๋งฮว้า จังหวัดท้ายเงวียนเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมปี 1947 ในนามของผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติและทหารบ้านเวียดนาม พลเอก หวอเงวียนย้าปได้ประกาศกฤษฎีของรัฐบาลที่ประกาศ “ 10 คำสาบานตน” และ “ 12 ข้อกำหนดสำหรับการรณรงค์มวลชน” อย่างสมเกียรติโดยผู้เข้าร่วมทุกคนได้เปล่งคำสาบานอย่างเข้มแข็ง

พันโท เหงียนกวน ทหารผ่านศึกเจื่องเซิน

เนื้อหาหลักของคำสาบานคือ จงรักภักดีต่อประเทศ ต่อพรรคและประชาชน พร้อมต่อสู้และสละชีพภายใต้ธงชาติอันรุ่งโรจน์ของปิตุภูมิ ซึ่งเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ ยืนยันจิตใจแห่งความสามัคคี ความมุ่งมั่นตั้งใจต่อสู้ สละชีพเพื่อปกป้องเอกราชและอธิปไตยของประเทศ ปกป้องประชาชน พันโท เหงียนกวน ทหารผ่านศึกเจื่องเซิน ที่ปัจจุบันอายุ 95 ปีกล่าวว่า ตนโชคดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมกองทัพนับตั้งแต่ปี 1946 และได้เข้าร่วมสงครามกู้ชาติ 2 ครั้ง ซึ่งชีวิตการเป็นทหารได้ช่วยให้เขามีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของคำสาบาน 10 ข้อนี้

“ในคำสาบาน 10 ข้อของกองทัพประชาชนเวียดนาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความจงรักภักดี อันเป็นความสัมพันธ์ที่ดีงามระหว่างกองทัพกับพรรคและประชาชน และถึงขณะนี้ กองทัพยังคงเป็นกองกำลังที่จงรักภักดีมากที่สุดของพรรค ความจงรักภักดีนั้นอยู่ติดตัวทหารอย่างพวกเราไปตลอดชีวิต เราได้ไปยังสมรภูมิภาคใต้เมื่อปี 1986 โดยในตอนนั้นแม้รู้ว่าถ้าไปแล้วอาจไม่ได้กลับ แต่ก็ยังคงตัดสินใจเดินทางไปร่วมรบ เพราะเรายึดมั่นในความรับผิดชอบต่อพรรค ประชาชน เอกราชและเสรีภาพของปิตุภูมิ”

หลังการเปล่งคำสาบานที่มีทหาร 34 นายเข้าร่วมนั้น กองทัพประชาชนเวียดนามนับวันเติบโตและเข้มแข็งมากขึ้น โดยคำสาบาน 10 ข้อนั้นได้ถูกแกะสลักไว้บนแผ่นศิลาที่เชิงเขา สลามกาว โบราณสถานแห่งการก่อตั้งกองกำลังเวียดนามประชาสัมพันธ์เพื่อการปลดปล่อย พันโท เหงียนหงอกกวน ผู้ชี้นำทางการเมืองป้อมทหารชายแดนกวางลอง กองบัญชาการทหารชายแดนกาวบั่ง เผยว่า

            “ในทุกๆ วันจันทร์ ใต้ธงชาติอันรุ่งโรจน์ของปิตุภูมิ ออกคำสาบานของกองทัพประชาชนเวียดนาม พวกเราต่างรู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจมาก ผมและเจ้าหน้าที่ทหารในหน่วยทหารต่างสามัคคี แก้ไขอุปสรรคและฟันฝ่าความยากลำบากต่างๆ พยายามปฏิบัติทุกหน้าที่ที่ได้รับมอบให้ลุล่วงไปด้วยดี”

ทหารรุ่นแรก 34 นายและทหารรุ่นต่อ ๆ มาของกองทัพประชาชนเวียดนามต่างจดจำและปฏิบัติตามคำสาบาน 10 ข้อ โดยมุ่งมั่นตั้งใจปกป้องปิตุภูมิเวียดนามให้ปลอดภัย นำชีวิตที่ผาสุกและสันติมาให้แก่ประชาชนทุกคน.