เพื่อให้เอเปกยืนหยัดเป้าหมายโบกอร์ บรรดาผู้นำเอเปกต้องมีความมุ่งมั่นทางการเมือง รวมถึง ความไว้วางใจและความเห็นพ้องเป็นเอกฉันพ์ของกลุ่มต่างๆในสังคม |
เป้าหมายโบกอร์ได้รับการอนุมัติในการประชุมผู้นำเอเปกครั้งที่2เมื่อปี1994 ณ เมืองโบกอร์ ประเทศอินโดนีเซีย โดยกำหนดเอเปกเป็นเขตการค้าเสรีและการเปิดเสรีทางการค้าและการลงทุนต่อประเทศที่พัฒนาในปี2010และประเทศที่กำลังพัฒนาในปี2020 ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวได้กำหนดแนวทางความร่วมมือของเอเปกจนถึงปี2020และเพื่อนำเอเปกกลายเป็นเขตการค้าเสรีและการลงทุนชั้นนำในโลก
อัตราการเปิดเสรีทางการค้าที่น่าประทับใจ
ในตลอดกว่า2ทศวรรษที่ผ่านมา เอเปกได้บรรลุผลสำเร็จที่น่าประทับใจเกี่ยวกับการเปิดเสรีทางการค้าและการลงทุนที่สะท้อนในหลายมิติ ตามรายงานประเมินกระบวนการปฏิบัติโบกอร์ในกึ่งวาระที่ได้รับการประกาศเมื่อปี2016 การเปิดเสรีทางการค้าและการลงทุน รวมทั้ง การเปิดตลาดปัจจุบันของเอเปกสูงกว่าหลายเท่าในช่วงที่เพิ่งประกาศเป้าหมายโบกอร์ ซึ่งการเปิดการค้าและการลงทุนและการอำนวยความสะดวกให้แก่การแลกเปลี่ยนทางการค้าได้ช่วยให้เอเปกกลายเป็นหนึ่งในเขตที่คล่องตัวที่สุดในโลก มีส่วนร่วมสำคัญต่อความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค แก้ปัญหาความยากจนและสร้างงานทำให้แก่ประชาชน ดอกเตอร์ เจิ่นเวียดท้าย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเอเปกเวียดนามได้เผยว่า “กำแพงกีดกันด้านภาษีและระเบียบศุลกากรที่ไม่เหมาะสมถูกยกเลิก การยกระดับมาตรฐาน การกำหนดโครงการร่วมมือด้านเทคนิคได้ช่วยให้เศรษฐกิจต่างๆผสมสผานและเชื่อมโยงกัน การสร้างระบบห่วงโซ่อุปทาน ห่วงโซ่การผลิต มีส่วนร่วมเชื่อมโยงสถานประกอบการ”
การเปิดเสรีทางการค้าของเอเปกยังสะท้อนให้เห็นผ่านการเพิ่มจำนวนข้อตกลงการค้าเสรีหรือFTAและข้อตกลงการค้าในภูมิภาคหรือRTA ในช่วงปี1996-2016 จำนวนข้อตกลงFTAและRTAได้เพิ่มขึ้นจาก22ฉบับขึ้นเป็น152ฉบับ นอกจากนี้ เอเปกยังเป็นผู้เดินหน้าการเสนอข้อคิดริเริ่มเกี่ยวกับการผสมผสานและการพัฒนา ซึ่งแม้จะเป็นฟอรั่มเศรษฐกิจแต่ในกรอบของเอเปก การสนทนาระหว่างบรรดาผู้นำประเทศต่างๆในภูมิภาคได้มีส่วนร่วมต่อการรักษาเสถียรภาพทางการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาค มุ่งสู่เป้าหมายเพื่อความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค อาจกล่าวได้ว่า เป้าหมายโบกอร์ได้ช่วยสร้างพลังขับเคลื่อนและยกระดับสถานะและชื่อเสียงของเอเปกดังปัจจุบัน
เอเปก2017ตั้งใจผลักดันการปฏิบัติเป้าหมายโบกอร์
แต่อย่างไรก็ดี บรรดาประเทศสมาชิกเอเปกกำลังเผชิญกับความท้าทายไม่น้อยในการปฏิบัติเป้าหมายโบกอร์ให้ตรงกำหนดการในอีก3ปีข้างหน้าในสภาวการณ์ที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงที่ประกาศเป้าหมายโบกอร์
การผลักดันการปฏิบัติเป้าหมายโบกอร์เป็นหนึ่งในประเด็นที่สำคัญในระเบียวาระการประชุมเอเปก2017 จากบทบาทการเป็นเจ้าภาพเอเปก2017 เวียดนามได้ร่วมกับประเทศสมาชิกปฏิบัติข้อคิดริเริ่มเพื่อแก้ไขปัญหาที่ยังคั่งค้างอยู่ สร้างความเชื่อมโยงภายในเอเปกเพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายโบกอร์ในปี2020 นาย Ken Waller อดีตผู้ว่าการสถาบันวิจัยเอเปกออสเตรเลียได้เผยว่า “เวียดนามได้ปฏิบัติอหน้าที่เจ้าภาพเอเปกเป็นอย่างดี พวกเราได้มีการประชุมหารืออย่างมีประสิทธิภาพ ระเบียบวาระการประชุม หัวข้อและเนื้อหาต่างๆมีความชัดเจนมากและได้รับความสนใจจากประเทศสมาชิก”
หัวข้อ “สร้างพลังขับเคลื่อนเพื่อร่วมกันสร้างสรรค์อนาคต”ได้รับการปฏิบัติผ่าน4ประเด็นที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ โดยเฉพาะ การขยายตัวอย่างครอบคลุม ซึ่งเป็น1ในเนื้อหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในความร่วมมือของเอเปกในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวที่ไม่มั่นคงและสถานการ์ความไม่เสมอภาคนับวันเพิ่มขึ้น ซึ่งสร้างแรงบัลดาลใจให้แก่เศรษฐกิจสมาชิก นาย Don Campell ประธานสภาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจเอเปกได้เผยว่า“พวกเราต้องตระหนักเกี่ยวกับปัญหาการขยายตัวอย่างครอบคลุม ต้องค้ำประกันการขยายตัวในศตวรรษที่21อย่างยั่งยืน ให้ความสนใจต่อปัญหาสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ผลงานที่ได้บรรลุต้องมีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพของประชาชนและความเจริญรุ่งเรืองด้านเศรษฐกิจ ถ้ามองเห็นอัตราการขยายตัวของประเทศต่างๆ เช่น จีน เวียดนามและอินโดนีเซีย พวกเราก็อาจมีความเชื่อมั่นว่า เอเปกจะพัฒนาขยายตัวเข้มแข็งยิ่งขึ้นในรอบ20-30ปีข้างหน้า”
เพื่อให้เอเปกยืนหยัดเป้าหมายโบกอร์ บรรดาผู้นำเอเปกต้องมีความมุ่งมั่นทางการเมือง รวมถึง ความไว้วางใจและความเห็นพ้องเป็นเอกฉันพ์ของกลุ่มต่างๆในสังคม เช่น สถานประกอบการ แรงงานและประชาชนเกี่ยวกับผลประโยชน์ของการค้าเสรี ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือพลังขับเคลื่อนของการขยายตัวและเสถียรภาพที่ได้รับการพิสูจน์ในตลอด2ทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งเอเปกเ2017ในเวียดนามได้ช่วยผลักดันความไว้วางใจเกี่ยวกับปัญหานี้.