(VOVworld) - นาย บารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐได้เริ่มการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่ 23 – 25 พฤษภาคม ซึ่งเป็นการเยือนเวียดนามครั้งแรกของนาย บารัก โอบามาและเป็นการเยือนเวียดนามของประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 3 หลังปรับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศให้เป็นปกติเมื่อปี 1995 และนี่ก็เป็นกิจกรรมการต่างประเทศที่โดดเด่นของเวียดนามในปีนี้
ผู้นำสหรัฐและเวียดนามเป็นสักขีพยานในการลงนามข้อตกลงความร่วมมือฉบับต่างๆ
|
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ปี 1995 นาย บิล คลินตัน ประธานาธิบดีสหรัฐและนาย หวอวันเกี่ยต นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ประกาศปรับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศให้เป็นปกติ ปิดฉากเรื่องราวในอดีตและเปิดหน้าใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ นับตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศได้มีพัฒนาการสำคัญทั้งระดับทวิภาคีและพหุภาคี ทั้งในด้านกว้างและส่วนลึกอย่างจริงจังมากขึ้น ความคืบหน้าหลังการปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติตลอด 20ปี
หลังการปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติมากว่า 20ปี ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐนับวันพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพและจริงจัง สามารถบรรลุความคืบหน้าใหม่ในหลายด้านทั้งระดับทวิภาคีและพหุภาคี นาย ฝ่ามกวางวิง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำสหรัฐได้ยืนยันว่า“ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศได้พัฒนาแบบก้าวกระโดด โดยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนบรรลุ 4 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 90 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงก่อนการปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติ และในวาระของประธานาธิบดี โอบามา ทั้ง 2 ฝ่ายได้สร้างกรอบความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านที่ลงนามเมื่อปี 2013 และอนุมัติแถลงการณ์วิสัยทัศน์ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศในกรอบการเยือนสหรัฐของท่าน เหงวียนฟู้จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเมื่อปี 2015 ซึ่งถือเป็นพื้นฐานและโอกาสเพื่อผลักดันความสัมพันธ์ทวิภาคีให้แน่นแฟ้นมากขึ้น”
เวียดนามและสหรัฐมีกิจกรรมความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในการแก้ไขผลเสียหายหลังสงครามเช่นเดียวกับการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาในภูมิภาคและโลก โดยเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2015 กระทรวงกลาโหมเวียดนามและสหรัฐได้ลงนามแถลงการณ์วิสัยทัศน์ความสัมพันธ์ด้านกลาโหม รวม 5 ข้อ ได้แก่ การขยายการประชุมทาบทามความคิดเห็นด้านนโยบายการแก้ไขผลเสียหายจากสงคราม เช่น การตรวจกู้กับระเบิดและการชะล้างสารพิษสีส้มไดอ๊อกซิน การรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ การแก้ไขผลเสียหายจากภัยธรรมชาติ การกู้ภัย และการรักษาความมั่นคงทางทะเลบนพื้นฐานของกฎหมายสากลและกฎหมายของแต่ละประเทศ ตลอดจนความร่วมมือด้านการศึกษาและฝึกอบรม ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ
เวียดนามและสหรัฐยังขยายความร่วมมือในองค์การต่างๆและฟอรั่มพหุภาคีที่เป็นสมาชิก เช่น สหประชาชาติ เวทีภูมิภาคอาเวียน การประชุมระดับสูงเอเชียตะวันออก ฟอรั่มเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียนและประเทศคู่สนทนา หรือ ADMM+ เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น การรักษาความมั่นคงการเดินเรือในทะเลตะวันออก การเสริมสร้างความสามัคคีและเชิดชูบทบาทเป็นศูนย์กลางของอาเซียนและปฏิบัติตามความสัมพันธ์หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างสหรัฐกับอาเซียน หารือเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในเชิงสร้างสรรค์ ตรงไปตรงมาและไม่ปล่อยให้ปัญหาความแตกต่างกลายเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี
การเยือนที่สร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่การพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีในอนาคต
หนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจในการเยือนเวียดนามครั้งนี้ของนาย บารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐคือการเคลื่อนไหวที่ตึงเครียดในทะเลตะวันออก โดยนาย บารัก โอบามาได้มีจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับปัญหาด้านอธิปไตยและการเดินเรืออย่างเสรีในทะเลตะวันออก นาย ฝ่ามกวางวิง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำสหรัฐได้เผยต่อไปว่า“การรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคงและความปลอดภัยในการเดินเรือ ไม่ปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำให้สถานการณ์ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งขัดกับกฎหมายสากลและอนุสัญญาสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลคือประเด็นที่ไม่เพียงแต่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากเวีดยาม และสหรัฐเท่านั้น หากรวมทั้งประเทศต่างๆในภูมิภาค ซึ่งอาเซียนก็ได้แสดงท่าทีต่อปัญหาดังกล่าว”
นาย ฝ่ามกวางวิง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำสหรัฐให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเวียดนามประจำสหรัฐ
|
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือในการกรอบการเยือนเวียดนามครั้งนี้คือการปฏิบัติข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือทีพีพีที่กำลังรอรัฐสภาสหรัฐอนุมัติ ในการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเวียดนามประจำสหรัฐก่อนการเยือนเวียดนามครั้งนี้ สมาชิกวุฒิสภา John McCain ได้เผยว่า“การที่รัฐสภาสหรัฐอนุมัติข้อตกลงทีพีพีในปีนี้เป็นเรื่องยากมาก ผมคิดว่า ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐไม่ว่าจะเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตหรือ พรรครีพับลิกันก็จะให้ความสำคัญต่อกระบวนการปรับความสัมพันธ์กับเวียดนามให้เป็นปกติเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีและร่วมแก้ไขผลเสียหายจากสงครามในเวียดนาม”
ในกรอบการเยือนเวียดนามครั้งนี้ นาย บารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศยกเลิกคำสั่งควํ่าบาตรด้านอาวุธแก่เวียดนาม แสดงให้เห็นว่า อุปสรรคสุดท้ายในการปรับความสัมพันธ์ทวิภาคีให้เป็นปกติได้รับการแก้ไข อีกทั้งช่วยขยายความไว้วางใจและเปิดโอกาสความร่วมมือใหม่
การเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการของนาย บารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐจะมีส่วนกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านระหว่าง 2 ประเทศ บนเจตนารมณ์ปิดฉากอดีตเพื่อมุ่งสู่อนาคตและจากผลความร่วมมือที่น่าประทับใจหลังการปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา แน่นอนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐจะมีพัฒนาการที่เข้มแข็งหลังการเยือนเวียดนามของประธานาธิบดี บารัก โอบามา.