การประชุมปีนี้มีขึ้นในสภาวการณ์ที่กระบวนการสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนได้รับการผลักดันอย่างเข้มแข็งต่อไป สถานการณ์ทั้งในระดับภูมิภาคและโลกมีความผันผวนอย่างซับซ้อนและรวดเร็ว รวมทั้งผลกระทบจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ที่นับวันลึกซึ้งมากขึ้น ซึ่งปีนี้มีผู้นำจากเกือบ 10 ประเทศและผู้แทนกว่า 1,400 คนซึ่งเป็นผู้บริหารของกลุ่มบริษัทและสถานประกอบการชั้นนำในโลกเข้าร่วมการประชุม
ร่วมมือกับ WEF อย่างใกล้ชิดเพื่อค้ำประกันให้การประชุมประสบความสำเร็จ
เวียดนามและ WEF เริ่มร่วมมือกันเมื่อปี 1989 ในตลอดเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา เวียดนามยังคงแสดงให้เห็นถึงความคล่องตัว เสนอข้อคิดริเริ่มใหม่ๆหลายข้อ ปฏิบัติแผนการร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม นิมิตหมายที่โดดเด่นที่สุดของเวียดนามคือได้ประสานกับ WEF จัดการประชุม WEF เอเชียตะวันออกปี 2010 และการประชุมฟอรั่มเศรษฐกิจโลกภูมิภาคแม่โขงหรือ WEF แม่โขงปี 2016 และการประชุม WEF อาเซียน 2018
เพื่อเตรียมพร้อมจัดการประชุม WEF อาเซียน 2018 ตั้งแต่ปี 2017 นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้จัดตั้งคณะกรรมการจัดการประชุม WEF อาเซียน 2018 นำโดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยประสานกับ WEF เพื่อหารือเกี่ยวกับพิธีการและการเตรียมพร้อมต่างๆเพื่อจัดการประชุม โดยเฉพาะการเสนอหัวข้อและเนื้อหาที่เกาะติดสถานการณ์ที่เป็นจริง ค้ำประกันให้การประชุม WEF อาเซียนประสบความสำเร็จ นาย บุ่ยแทงเซิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามและหัวหน้าคณะกรรมการจัด WEF อาเซียน 2018 ได้เผยว่า “หัวข้อของการประชุมคือ “อาเซียน4.0: จิตใจสถานประกอบการและการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0” ซึ่งเป็นหัวข้อที่สอดคล้องกับความสนใจของทั้งอาเซียนและหลายประเทศในโลก รวมทั้งเวียดนาม อีกทั้งเชื่อมโยงกับหัวข้อของอาเซียนปีนี้คือสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนที่พึ่งพาตนเองและมีความคิดสร้างสรรค์ ดังนั้นการประชุมคือโอกาสที่ดีเพื่อให้ทุกฝ่ายได้พบปะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ เตรียมพร้อมอย่างดีที่สุดเพื่อเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด”
เวียดนาม-สะพานแห่งการเชื่อมโยงและผสมผสานในภูมิภาค
1 ปีภายหลังการก้าวเดินบนเส้นทางพัฒนาในรอบ 50 ปีแรกแห่งการก่อตั้ง อาเซียนกำลังมุ่งมั่นปฏิบัติเป้าหมายผลักดันการผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจและสร้างสรรค์ประชาคมที่เชื่อมโยงเพื่อทำให้อาเซียนกลายเป็นภูมิภาคที่คล่องตัว ภายใต้แนวคิด “อาเซียนที่พึ่งพาตนเองและมีความคิดสร้างสรรค์” ที่สิงคโปร์ในฐานะประธานอาเซียนปี 2018 เสนอและได้รับการปฏิบัติจากประเทศสมาชิกอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการประสานงานแก้ไขปัญหาที่กำลังคั่งค้างอยู่ รับมือกับความท้าทายและนับวันยืนยันถึงบทบาทการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในภูมิภาค
แต่อย่างไรก็ตาม ในสภาวการณ์ที่โลก รวมทั้งอาเซียนกำลังมีทั้งโอกาสและความท้าทายที่ยิ่งใหญ่จากการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 แต่ละประเทศต้องกำหนดวิสัยทัศน์และก้าวเดินที่ผสมผสานเข้ากับกระแสโลกเพื่อปรับตัวเข้ากับการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งจากความต้องการดังกล่าว วัตถุประสงค์ของการเป็นเจ้าภาพจัด WEF อาเซียน 2018 ของเวียดนามก็เพื่อเป็นสะพานเชื่อมให้เวียดนามและประเทศสมาชิกอาเซียนแสวงหารูปแบบการบริหารที่เหมาะสมที่สุดในยุคติจิตอล จากความกระตือรือร้นของเวียดนาม ประธานฟอรั่มเศรษฐกิจโลก Borge Brende ได้ประเมินว่า “การมีโอกาสร่วมมือกับเวียดนามเป็นสิ่งที่น่ายินดี เพราะนี่คือความภาคภูมิใจของพวกเรา หุ้นส่วนเวียดนามปฏิบัติงานอย่างมืออาชีพและมีประสิทธิภาพ แต่ผมอยากย้ำถึงความสนใจทางการเมือง เพราะอาเซียน รวมทั้งเวียดนามกำลังมีบรรยากาศลงทุนประกอบธุรกิจที่น่าสนใจ อาเซียนได้ประกอบด้วยเศรษฐกิจที่เพิ่งเกิดใหม่ ดังนั้น อาเซียนมีศักยภาพเพื่อพัฒนาโดยอาศัยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 WEFมีความประสงค์ที่จะประสานกับอาเซียนเพื่อพัฒนามากขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน”
เวียดนามและอาเซียนกำลังมีโอกาสที่ยิ่งใหญ่เพื่อพัฒนาและผลักดันการเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจจากโลกาภิวัตน์ที่นับวันกว้างลึกและมีการขยายผลที่เข้มแข็งของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 โดยเฉพาะเทคโนโลยีดิจิตอล อินเตอร์เน็ตและปัญญาประดิษฐ์ การจัดการประชุม WEF อาเซียน 2018 ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงบทบาทเป็นฝ่ายรุกและส่วนร่วมที่มีความรับผิดชอบต่ออาเซียน ชื่อเสียงและสถานะของเวียดนามที่นับวันสูงเด่นบนเวทีโลกเท่านั้น หากยังยืนยันถึงวิสัยทัศน์เชิงยุทธศาสตร์เกี่ยวกับงานด้านการต่างประเทศและการพัฒนาของเวียดนามอีกด้วย.