ความร่วมมือแก้ไขผลเสียหายจากกับระเบิดหลังสงครามระหว่างเวียดนามกับสหรัฐในเวลาที่ผ่านมาได้รับการปฏิบัติอย่างเข้มแข็งและมีก้าวเดินที่เหมาะสม โดยทั้งสองประเทศสามารถร่างรูปแบบการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพแต่งานด้านนี้ยังต้องใช้เงินทุนและแหล่งบุคคลากรจำนวนมาก จึงต้องการความร่วมมือในระยะยาว

ต้นเดือนมีนาคมปี 2015 ในการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ นางโรส กอตต์มอเลอร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐที่ดูแลการควบคุมอาวุธและความมั่นคงระหว่างประเทศได้ลงพื้นที่จังหวัดกว๋างฉิ ซึ่งเป็นท้องถิ่นที่ประสบผลเสียหายมากที่สุดจากกับระเบิดที่หลงเหลือหลังสงคราม หลังจากที่ได้ประจักกับตาและรู้สึกถึงความปวดร้าวและความสูญเสียของชาวเวียดนามหลังสงคราม รัฐมนตรีช่วย โรส กอตต์มอเลอร์ ได้เผยว่า “ดิฉันได้มีวันพิเศษที่ได้ลงพื้นที่ที่ทำการเก็บกู้ระเบิดและได้กดบุ่มทำลายระเบิดเหล่านี้ด้วยตนเอง พร้อมทั้งมีโอกาสพบปะกับผู้เคราะห์ร้ายจากระเบิด พูดคุยและเข้าใจความสูญเสียและความมุ่งมั่นสร้างสรรค์ชีวิตใหม่ของพวกเขา ดิฉันได้ปลูกต้นไม้ในผืนแผ่นดินแห่งสงครามในช่วงก่อนเหมือนเป็นการส่งสาส์นที่ว่า จะแก้ไขความปวดร้าวในอดีตด้วยสีเขียวของต้นไม้เหล่านี้”

นาง โรส กอตต์มอเลอร์ ยังเผยต่อไปว่า ในปีนี้ รัฐบาลสหรัฐจะจัดงบ 10 ล้านเหรียญสหรัฐให้แก่เวียดนาม โดยจังหวัดกว๋างฉิจะได้รับเงิน 8 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อปฏิบัติโครงการใหม่เกี่ยวกับการสร้างฐานข้อมูลสถานที่ที่มีกับระเบิดเพื่อช่วยให้การเก็บกู้กับระเบิดมีประสิทธิภาพมากขึ้น

หลังจากที่สงครามได้ยุติลง เวียดนามเริ่มทำการเก็บกู้กับระเบิด จากความพยายามของรัฐ ทางการปกครองท้องถิ่นและองค์การเอ็นจีโอต่างประเทศ โดยเฉพาะองค์การเอ็นจีโอของสหรัฐ จำนวนอุบัติเหตุจากกับระเบิดได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ในช่วงปี 1975 – 2000 ได้มีอุบัติเหตุจากกับระเบิดประมาณ 5,000 ครั้งโดยมีผู้เคราะห์ร้าย 2,600 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็ก แต่ในช่วงหลัง โดยเฉพาะใน 5 ปีมานี้ มีอุบัติเหตุจากกับระเบิดเพียง 4-5 ครั้งต่อปี ในตลอด 20 ปีที่ผ่านมา องค์การเอ็นจีโอของสหรัฐได้ให้เงินช่วยเหลือประมาณ 80 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อแก้ไขผลร้ายจากกับระเบิด ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดความสูญเสียจากกับระเบิดเท่านั้นหากยังช่วยปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นอีกด้วย นาย Bob Stokes ผู้อำนวยการองค์การ Peace Trees เวียดนาม องค์การเอ็นจีโอองค์การแรกของสหรัฐที่ได้ดำเนินภารกิจในการเก็บกู้กับระเบิดในจังหวัดกว๋างฉิตั้งแต่ปี 1995 เผยว่า  “พวกเราเห็นว่า ยังมีหลายปัญหาจากสงครามที่ต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหากับระเบิดที่หลงเหลือหลังสงครามอย่างสิ้นเชิง สังคมกำลังเผชิญกับภัยคุกคาม โดยเฉพาะประชาชนชนกลุ่มน้อย ดังนั้นพวกเรากำลังให้การช่วยเหลือชาวกว๋างฉิในหลายรูปแบบ เช่น ช่วยให้เด็กๆได้ไปโรงเรียนและได้ดื่มนม 1 แก้วต่อวัน ตลอดจนให้การช่วยเหลือคนจนในจังหวัดกว๋างฉิอีกด้วย”

ตามการคาดการณ์ ถ้าหากกระบวนการเก็บกู้กับระเบิดได้ดำเนินไปเหมือนในรอบ 5 ปีมานี้ จะต้องใช้เวลาถึง 300 ปีจึงจะแก้ไขปัญหากับระเบิดในเวียดนามได้อย่างสิ้นเชิง เมื่อ 5 ปีก่อน รัฐบาลเวียดนามได้จัดตั้งคณะกรรมการชี้นำการแก้ไขผลเสียหายจากกับระเบิดแห่งชาติและใช้แหล่งพลังทุกแหล่งของรัฐเพื่อเร่งรัดภารกิจนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ในฐานะเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา นอกจากพลังภายในประเทศแล้ว เวียดนามต้องการความช่วยเหลือจากต่างประเทศ โดยเฉพาะคำมั่นที่จะให้การช่วยเหลือในระยะยาวจากรัฐบาลสหรัฐ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ในการเยือนประเทศสหรัฐ เวียดนามได้เสนอโครงการร่วมมือที่เป็นรูปธรรมต่างๆเพื่อผลักดันการเก็บกู้ระเบิดให้เร็วขึ้นและข้อเสนอนี้ของเวียดนามได้รับการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากรัฐบาลสหรัฐ นายเหงียนชี้หวิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเวียดนามได้กล่าวว่า “เวียดนามได้เสนอ 3 โครงการ ซึ่งประกอบด้วย โครงการเก็บกู้ระเบิดในท้องถิ่นที่มีระเบิดหลงเหลือมากที่สุด สองคือ เวียดนามต้องการความช่วยเหลือจากสหรัฐเพื่อจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเกี่ยวกับระเบิดและผู้เคราะห์ร้ายจากระเบิด โครงการที่สามคือเปิดโรงงานผลิตขาและแขนเทียมในแต่ละจังหวัดเพื่อช่วยให้ผู้เคราะห์ร้ายจากกับระเบิดมีโอกาสได้รับงานทำและสามารถปรับตัวเข้ากับสังคม หวังว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เวียดนามและสหรัฐจะลงนามในโครงการเหล่านี้”

ผลร้ายจากสงครามยังคงรุนแรงมาก ความร่วมมือแก้ไขผลร้ายจากสงครามไม่เพียงแต่เป็นการแก้ไขผลร้ายจากอดีตเท่านั้น หากยังเป็นการเปิดประตูให้แก่อนาคตอีกด้วย นั่นคืออนาคตที่ไม่มีความโกรธแค้น อนาคตแห่งความร่วมมือ โดย40 ปีหลังสงครามและ 20 ปีหลังจากที่ทั้งสองประเทศปรับความสัมพันธ์ทางการทูตให้เป็นปกติ  เวียดนามและสหรัฐกำลังพยายามเดินตามแนวทางดังกล่าว./.