ภาพประกอบข่าว (กระทรวงการต่างประเทศ) |
การเยือนออสเตรเลียได้มีขึ้นในโอกาสที่เวียดนามและออสเตรเลียได้ฉลองครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตและ 5 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เมื่อปี 2023 โดยเฉพาะนับเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ที่ นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้เดินทางไปเยือนออสเตรเลียและเป็นการเยือนออสเตรเลียครั้งแรกของท่าน ฝ่ามมิงชิ้ง ในฐานะนายกรัฐมนตรีเวียดนาม
มีความคล้ายคลึงกันและมีผลประโยชน์ร่วมกัน
ในตลอดกว่า 5 ทศวรรษนับตั้งแต่ที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เวียดนามและออสเตรเลียมีความคล้ายคลึงกันและผลประโยชน์ร่วมกันมากมาย เช่น ตั้งอยู่ในภูมิภาคเดียวกันและประชาชนมีความผูกพันใกล้ชิด เศรษฐกิจมีลักษณะสนับสนุนกันและเป็นฝ่ายรุกในการผลักดันการพัฒนาและความสามัคคีในภูมิภาค พร้อมทั้งต้องรับมือความท้าทายร่วมกัน เช่น การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การปรับเปลี่ยนสู่เศรษฐกิจแห่งสีเขียว เป็นต้น ซึ่งถือเป็นพื้นฐานช่วยให้ออสเตรเลียและเวียดนามสนับสนุนกันและใช้ประโยชน์ร่วมกันต่อไปเพื่อการพัฒนาในเวลาที่จะถึง
ก่อนการเยือนที่สำคัญนี้ นาย โด๋หุ่งเหวียด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้ให้ข้อสังเกตว่า ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทศาสตร์เวียดนาม – ออสเตรเลียกำลังมีความไว้วางใจทางการเมืองในระดับสูง โดยมีความร่วมมืออย่างรอบด้าน ดังนั้น การเยือนออสเตรเลียครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง จึงมีความหมายสำคัญเป็นอย่างมาก
“นี่เป็นโอกาสให้ทั้งสองประเทศประเมินเกี่ยวกับก้าวพัฒนาของความสัมพันธ์ทวิภาคีในเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะการปฏิบัติความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ และกำหนดแนวทางความร่วมมือในเวลาที่จะถึง โดยย้ำถึงเป้าหมายของความร่วมมืดด้านการค้าและการผลักดันการลงทุนระหว่างสองประเทศ ไฮไลท์ของการเยือนครั้งนี้คือ การขยายความร่วมมือในการศึกษาฝึกอบรม โดยเฉพาะการฝึกสอนอาชีพ ขยายความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นวัตกรรม ใช้พลังขับเคลื่อนในยุคใหม่ๆ โดยเฉพาะเศษฐกิจดิจทัล เศรษฐกิจแห่งสีเขียว กระบวนการปรับเปลี่ยนพลังงานและการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนของเวียดาม ควบคู่กันนั้น เวียดนามและออสเตรเลียจะมุ่งสู่การนำความสัมพันธ์ทวิภาคีขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่”
มุ่งสู่การนำความสัมพันธ์ทวิภาคีขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่
ปัจจุบันนี้ ทั้งเวียดนามและออสเตรเลียต่างพยายามใช้ความได้เปรียบจากความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างเต็มที่ ควบคู่กับการส่งเสริมความไว้วางใจทางการเมืองผ่านการเยือนของผู้นำทั้งสองประเทศ เวียดนามและออสเตรเลียยังผลักดันความร่วมมือในด้านความมั่นคงกลาโหม วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การศึกษา เศรษฐกิจ การค้าและการพบปะในระดับประชาชน พร้อมทั้งหารือกันเพื่อเปิดโอกาสความร่วมมือในด้านใหม่ๆ ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องนำความสัมพันธ์ทวิภาคีขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ นาย Layton Pike ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันวิจัยด้านนโยบายออสเตรเลีย – เวียดนามตั้งความหวังว่า
“ทั้งสองประเทศสามารถแลกเปลี่ยนคุณค่าร่วมกัน ในด้านต่างๆซึ่งไม่เพียงแต่ในด้านความสัมพันธ์ทวิภาคีเท่านั้น หากยังรวมถึงความคาดหวังเกี่ยวกับภูมิภาคอีกด้วย เรามีเศรษฐกิจที่เกื้อหนุนกัน ซึ่งถ้าหากร่วมมือกัน ก็จะสามารถทำได้หลายอย่าง ดังนั้น ออสเตรเลียและเวียดนามต้องยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ทั้งสองประเทศและภูมิภาค”
ส่วนนาย Nicolas Moore ทูตพิเศษในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐบาลออสเตรเลียเผยว่า ออสเตรเลียกำลังพยายามจัดสรรข้อมูลให้สถานประกอบการออสเตรเลียมีความเข้าใจเกี่ยวกับเวียดนามและสร้างเงื่อนไขที่สะดวกให้แก่ความร่วมมือกับเวียดนามในขณะที่ความสันพันธ์ทวิภาคีกำลังย่างเข้าสู่ระยะใหม่
“ผมได้พบปะกับตัวแทนขององค์กร AsiaLink ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้รับการอุปถัมภ์จากรัฐบาลออสเตรเลีย พวกเขาได้มอบเอกสารที่ช่วยแนะนำวิธีการให้สถานประกอบการออสเตรเลียเข้ามาลงทุนในเวียดนาม นอกจากนี้ AsiaLink ยังจัดทำเอกสารเกี่ยวกับโครงการเศรษฐกิจแห่งสีเขียวออสเตรเลีย – เวียดนามเพื่อทำการแจกจ่าย เพื่อผลักดันให้สถานประกอบการออสเตรเลียเข้ามาลงทุนในด้านเศรษฐกิจแห่งสีเขียวในเวียดนาม ในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ เราจะจัดการประชุมเกี่ยวกับปัญหานี้ในเวียดนาม นี่คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า ออสเตรเลียให้ความสนใจในการผลักดันการลงทุนและการค้ากับภูมิภาค โดยเฉพาะเวียดนาม”
เมื่อปีที่แล้ว ออสเตรเลียได้ประกาศยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึงปี 2040 โดยเสนอ 4 ด้านที่จะผลักดันกับเวียดนาม คือ การเกษตรและอาหาร ทรัพยากรสิ่งแวดล้อม การปรับเปลี่ยนสู่ยุคพลังงานแห่งสีเขียวและการศึกษา
ทั้งนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับออสเตรเลียกำลังได้รับการผลักดันและมีความตั้งใจทางการเมืองอย่างเข้มแข็งเพื่อยกระดับขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ เพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศและมีส่วนร่วมรักษาเสถียรภาพและความรุ่งเรืองในภูมิภาค.