ตัวแทนของ 3 พรรคการเมืองในพันธมิตรกลางขวา (Photo: CBC) |
จากผลการนับคะแนนเกือบ 100% ปรากฎว่า พันธมิตรฝ่ายขวาของอดีตนายกรัฐมนตรี ซิลวีโอ แบร์ลุสโกนี กำลังมีคะแนนนำ โดยได้รับเสียงสนับสนุนร้อยละ 37 ในการเลือกตั้งสภาล่าง ซึ่งได้ 103 ที่นั่ง ส่วนในวุฒิสภาได้รับเสีประชานิยมขบวนการ 5 ดาวหรือ M5S ที่ได้รับเสียงสนับสนุนร้อละ 32.67 ในสภาล่าง โดยได้ 85 ที่นั่ง และร้อยละ 32.22 ในวุฒสิภาโดยได้ 41 ที่นั่ง ถึงแม้ได้รับเสียงสนับสนุนมากเป็นอันดับ 2 แต่พรรค M5S เป็นพรรคการเมืองเดียวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ส่วนพันธมิตรฝ่ายซ้าย รวมทั้งพรรคประชาธิปไตยหรือพีดี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลอยู่อันดับที่ 3
การพัฒนาของลัทธิประชานิยม
ผลการเลือกตั้งนี้ได้สะท้อนให้เห็นว่า อัตราผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่สนับสนุนพรรคที่มีแนวทางประชานิยมและไม่นิยมพรรคการเมืองที่เป็นทางการเพิ่มขึ้นอย่างเข้มแข็ง โดยพรรค M5S และพรรคขวาจัด ซึ่งมีชื่อเก่าคือสหพันธ์ภาคเหนือหรือ LN ได้รับเสียงสนับสนุนมากกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อน ในขณะที่อัตราเสียงสนับสนุนพรรคเก่าแก่ เช่นพรรคพีดีและพรรค Forza Italia หรือ FI ได้ลงลงอย่างมาก
การที่พรรคที่มีแนวทางประชานิยมและพรรคขวาจัดในอิตาลีได้รับชัยชนะได้ส่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อสหภาพยุโรปและทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกกังวล
แม้ขบวนการประชานิยมในหลายประเทศในเวลาที่ผ่านมายังไม่สามารถพัฒนาอย่างเข้มแข็ง แต่ก็ยังคงดำเนินไปและอาจกลับมาอีกครั้งหลังการเลือกตั้งในอิตาลี ก่อนการเลือกตั้ง ประธานรัฐสภายุโรป Antonio Tajani เคยเรียกร้องให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอิตาลีสนับสนุนพรรคฝ่ายซ้ายกลาง เช่นพรรคประชาธิปไตย และไม่ควรลงคะแนนสนับสนุนพรรคที่มีแนวทางประชานิยมที่ไม่สนับสนุนการรับผู้อพยพ และมีตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับยุโรปเหมือนพรรค M5S และพันธมิตรขวาจัด ตามความเห็นของนาย Tajani อียูต้องการ “อิตาลีที่เข้มแข็ง” มีข้อคิดริเริ่มและนโยบายที่นำผลประโยชน์มาให้แก่ยุโรป แต่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอิตาลีหลายคนมีความคิดเห็นที่ไม่เหมือนกับประธานรัฐสภายุโรป ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านการลงคะแนนสนับสนุนขบวนการประชานิยม
แต่อย่างไรก็ตามยังมีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งบางส่วนที่ถึงแม้ไม่สนับสนุนขบวนการประชานิยม แต่ก็แสดงความเห็นว่า ลัทธิประชานิยมในอิตาลีเป็นกระแสที่เกิดขึ้นแบบซ้ำไปซ้ำมาในระบบการเมืองอิตาลี ด้วยคำมั่นที่ไม่สามารถปฏิบัติจริงในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งถูกเสนอขึ้นมาเพื่อเป้าหมายการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง มิใช่เป็นการเคลื่อนไว้ทางการเมืองอย่างแท้จริง
(Photo: KT) |
แผนการสำหรับอิตาลี
เนื่องจากไม่มีพรรคการเมืองและพันธมิตรใดที่ได้รับเสียงสนับสนุนเกินกว่าครึ่งหนึ่ง ดังนั้นประธานาธิบดีอิตาลี แซร์โจ มัตตาเรลลา จะตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองหรือพันธมิตรที่เหมาะสมที่สุดเพื่อทำการเจรจากับพรรคการเมืองอื่นๆเพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ และดูเหมือนว่า แนวทางการจัดตั้งพันธมิตรใหญ่ระหว่งาพันธมิตรฝ่ายขวากับพรรคฝ่ายซ้ายกลางพีดีคือแผนการที่กำลังได้รับความคาดหวังจากนักลงทุนและทางการของสหภาพยุโรป
แต่ยังมีแผนการอื่นที่กำลังได้รับการกล่าวถึงคือการจัดตั้งพันธมิตรประชานิยมและขวาจัด ก่อนหน้านี้ ทั้งพรรค M5S และพรรคพันธมิตรต่างไม่ได้กล่าวถึงการจับมือเป็นพันธมิตรกันหลังการเลือกตั้ง แต่สถานการณ์ในปัจจุบันได้แสดงให้เห็นว่า นี่ก็เป็นอีกทางเลือกที่มีความเป็นไปได้สูงในการปฏิบัติเพื่อสามารถควบคุมที่นั่งส่วนใหญ่ในรัฐสภา แต่พันธมิตรกลุ่มนี้อาจสร้างความวิตกกังวลต่อยุโรปได้ เนื่องจากทั้ง 2 พรรคการเมืองนี้ต่างมีทัศนะต่อต้านการรับผู้อพยพและตั้งข้อสงสัยต่อยุโรป โดยพรรค M5S ได้ยืนยันว่า จะกลายเป็นกองกำลังฝ่ายค้านที่ยิ่งใหญ่ในสำนักงานนิติบัญญัติ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อนโยบายต่างๆ
นอกจากนั้น ยังมีโอกาสที่พรรคการเมืองต่างๆไม่สามารถทำการเจรจากันได้ และอิตาลีจะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น อิตาลีอาจตกเข้าสู่วิกฤตการเมืองหลังการเลือกตั้ง และส่งผลกระทบในทางลบต่อเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวอย่างล่าช้า ตลอดจนทำให้กระบวนการปฏิรูปที่อิตาลีกำลังผลักดันชลอตัว ก่อนหน้านั้น เมื่อปี 2013 พรรคการเมืองที่เป็นทางการในอิตาลีต้องใช้เวลากว่า 2 เดือนในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่
ปัจจุบัน อิตาลีคือเศรษฐกิจรายใหญ่อันดับ 3 ของสหภาพยุโรป ดังนั้นนโยบายของอิตาลีในเวลาที่จะถึงจะส่งผลต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคและนโยบายอื่นๆของอียู ดังนั้นทางการอิตาลีและอียูกำลังเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวใหม่บนเวทีการเมืองอิตาลี และตั้งความหวังว่า รัฐบาลที่มีแนวทางสนับสนุนยุโรปจะได้รับการจัดตั้ง.