อุปสรรคต่างๆของความสัมพันธ์ด้านการค้าสหรัฐ-จีน

Vân
Chia sẻ
(VOVWORLD) - เมื่อเช้าวันที่ 30 มกราคม ตามเวลาท้องถิ่น เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนได้ทำการเจรจาระดับสูงรอบใหม่เป็นเวลา 2 วัน ณ กรุงวอชิงตันเพื่อแสวงหามาตรการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและความแตกต่างเกี่ยวกับนโยบายด้านการค้าระหว่าง 2 เศรษฐกิจรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือถึงปัญหาต่างๆ แต่จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ดูเหมือนว่า  ความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนกำลังประสบความยากลำบากมาก
อุปสรรคต่างๆของความสัมพันธ์ด้านการค้าสหรัฐ-จีน - ảnh 1อุปสรรคต่างๆของความสัมพันธ์ด้านการค้าสหรัฐ-จีน 

นี่คือการเจรจาระดับสูงสุดระหว่าง 2 ฝ่ายหลังจากที่เมื่อเดือนธันวาคมปี 2018 นาย โดนัลด์ ทรัมป์  ประธานาธิบดีสหรัฐและนาย สีจิ้นผิง ประธานประเทศจีนได้เห็นพ้องชลอการใช้มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าระหว่างกันภายใน 90 วันเพื่อทำการเจรจาหาทางยุติความตึงเครียดในตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งคณะเจรจาสหรัฐนำโดยนาย Robert Lighthizer ตัวแทนฝ่ายการค้าสหรัฐและคณะเจรจาจีนนำโดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว

ใกล้จะถึงกำหนดเส้นตายแล้ว

การเจรจาดังกล่าวมีขึ้นในสภาวการณ์ที่ทั้งสหรัฐและจีนกำลังแสวงหามาตรการต่างๆเพื่อมุ่งบรรลุข้อตกลงก่อนกำหนดเส้นตายในต้นเดือนมีนาคมปี 2019 ซึ่งถ้าหากไม่สามารถหามาตรการที่เหมาะสมได้ สหรัฐก็จะเก็บภาษีร้อยละ 25 ต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีน มูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

การที่สหรัฐได้ตำหนิและกล่าวหาว่า สายลับจีนขโมยข้อมูลลับด้านการค้าและปฏิบัติแผนการควบรวมสถานประกอบการด้านเทคโนโลยีของสหรัฐถือเป็นเหตุผลที่นำไปสู่การเก็บภาษีต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีน มูลค่า 2 แสน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยนาย  โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้ประกาศว่า จะปรับขึ้นอัตราภาษีจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 ต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีน มูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคมถ้าหากทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆและจะเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้าต่างๆที่นำเข้าจากจีน

ในขณะเดียวกัน จีนได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาของทางการสหรัฐว่า มีนโยบายที่กดดันให้บริษัทต่างชาติต้องถ่ายทอดเทคโนโลยี พร้อมทั้งย้ำถึงการลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศและร่างกฎหมายการลงทุนจากต่างประเทศที่สนับสนุนสถานประกอบการต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศจีนและให้คำมั่นห้ามใช้มาตราการเพื่อกดดันให้สถานประกอบการต่างชาติถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งร่างกฎหมายการลงทุนต่างชาติได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมาธิการสามัญของรัฐสภาจีน โดยมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการห้ามใช้มาตรการเพื่อกดดันให้สถานประกอบการต่างชาติถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขชี้ขาดเพื่อเข้ามาลงทุนในประเทศจีนสำหรับนักลงทุนต่างชาติ

ยังมีอุปสรรคต่างๆ

ในขณะที่การเจรจาด้านการค้าสหรัฐ-จีนยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ สหรัฐได้มีปฏิบัติการต่างๆที่ทำให้ประชามติไม่ได้ตั้งความหวังมากนักเกี่ยวกับความสัมพันธ์ด้านการค้าทวิภาคี โดยสหรัฐได้ยื่นเอกสาร รวม 70 ข้อต่อองค์การการค้าโลกเพื่อถามเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองอาชีพการทำประมงของทางการปักกิ่ง กิจกรรมต่างๆของกองทุนต่างๆของรัฐบาลจีนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ เทคโนโลยีชีวภาพและพลังงานสะอาด พร้อมทั้งแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับบทบาทของรัฐในการพัฒนาเศรษฐกิจตามกลไกตลาดในประเทศจีน

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 28 มกราคม กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้กล่าวหาเครือบริษัทหัวเว่ย นาง  เมิ่ง หว่านโจว ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินบริษัทหัวเว่ยและบริษัทลูก 2 แห่งของหัวเว่ยคือบริษัท Skycom Tech และบริษัท Huawei Device USA ว่า ทำธุรกรรมกับอิหร่าน ซึ่งละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่ออิหร่านหลังแอบขายสินค้าให้ประเทศอิหร่าน รวม 13 โทษฐาน ส่วนกระทรวงการต่างประเทศจีนได้เรียกร้องให้สหรัฐยุติมาตรการคว่ำบาตรบริษัทต่างๆของจีน รวมทั้งเครือบริษัทหัวเว่ย อีกทั้งถอนหมายจับนาง  เมิ่ง หว่านโจวและยืนยันว่า จะปกป้องผลประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัทต่างๆของจีน

ในขณะเดียวกัน ในการประชุมตอบกระทู้ถามเกี่ยวกับภัยคุกคามจากต่างประเทศ ณ คณะกรรมาธิการข่าวกรองประจำวุฒิสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 29 มกราคม นาย Christopher Wray ผู้อำนวยสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐหรือ FBI ได้เผยว่า “สำนักงานของ FBI รวม56 แห่งกำลังทำการสืบสวนกรณีสายลับด้านเศรษฐกิจ ซึ่งส่วนใหญ่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจีน”

 ทั้งนี้ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ข่าวดังกล่าวเป็นข่าวที่ไม่เป็นประโยชน์สำหรับความสัมพันธ์สหรัฐ-จีนแถมยังส่งผลกระทบในทางลบต่อกระบวนการเจรจาด้านการค้าระหว่าง 2 ฝ่าย

ในขณะที่เหลือเวลาอีก 1 เดือนก็จะถึงกำหนดเส้นตายของการบรรลุข้อตกลงระหว่างสหรัฐกับจีน ในการเจรจาครั้งนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายจะพยายามหลีกเลี่ยงประเด็นที่อาจทำให้ความสัมพันธ์ตกอยู่ในภาวะชะงักงันและเห็นพ้องกันในประเด็นต่างๆที่สร้างพื้นฐานให้แก่ความสัมพันธ์ในระยะต่อไป.

Feedback