( VOVworld ) - ในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ ๖๗ ปีการปฏิวัติเดือนสิงหาคมและวันชาติเวียดนาม ๒ กันยายน ท่านเจืองเติ้นซางประธานประเทศได้มีบทความพาดหัวว่า อนาคตเร่งเร้าให้เราสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ โดยชี้ชัดว่า ชัยชนะในการปฏิวัติเดือนสิงหาคมเป็นก้าวเดินที่นำไปสู่การก่อตั้งประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามในปี ๑๙๔๕ เป็นชัยชนะแห่งความมุ่งมั่น รวมทั้งแสดงให้เห็นถึงสติปัญญาและความกล้าหาญของประชาชาติเวียดนามภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม บทความยังได้ชี้ให้เห็นถึงอุปสรรค การท้าทายและความผิดพลาดในตลอดระยะเวลาทำการป้องกันและสร้างสรรค์ประเทศตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งยืนยันว่า ตลอดระยะเวลาแห่งประวัติศาสตร์ของประเทศ พรรค รัฐและประชาชนเวียดนามได้ร่วมในเรือลำหนึ่งฟันฝ่าความท้าทายต่างๆจนสามารถเข้าเทียบท่าได้อย่างสำเร็จ บทความยังระบุชัดว่า ต้องทำนุบำรุงความสามัคคีและการปรองดองเพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อันเป็นการสร้างพลังที่เข้มแข็งของชาติเพื่อให้ประเทศฟันฝ่าระยะที่ยากลำบากและความท้าท้ายทั้งในปัจจุบันและอนาคต
|
ประธานเจืองเติ้นซางตรวจระบบคลองในนครโฮจิมินห์
|
บทความของประธานเจืองเติ้นซางได้ยืนยันว่า การปฏิวัติที่ประสบชัยชนะในเดือนสิงหาคมได้สร้างระยะหัวเลี้ยวหัวต่ออันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์เวียดนาม ซึ่งภาพประธานโฮจิมินห์อ่านปฏิญญาเอกราช ในวันที่ ๒ กันยายนปี ๑๙๔๕ ณ จตุรัส บาดิ่ง เพื่อประกาศให้ประชาชนทั่วประเทศและโลกได้รับทราบเกี่ยวกับประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามซึ่งปัจจุบันคือประเทศสังคมนิยมเวียดนามได้กลายเป็นสัญญลักษณ์ของประเทศเวียดนาม นับแต่นั้นมา วันที่ ๒ กันยายนปี ๑๙๔๕ ได้กลายเป็นเครื่องหมายทองในประวัติศาสตร์ของประเทศ อันเป็นการเปิดประวัติศาตร์หน้าใหม่ในการสร้างสรรค์และพิทักษ์ประเทศของประชาชาติเวียดนาม ซึ่งเป็นการชุบชีวิตให้แก่ชาวเวียดนามทุกคนอย่างไม่เคยมีมาก่อน นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศที่ได้ปรากฎรัฐแบบใหม่ นั่นคือ รัฐของประชาชน เพื่อประชาชนและโดยประชาชน จากประเทศที่ถูกนักล่าเมืองขึ้นและศักดินาปกครองอย่างเหี้ยมโหด ชื่อเวียดนามได้ถูกระบุในแผนที่โลกในฐานะประเทศที่มีเสรีภาพและเอกราช ประชาชนเวียดนามได้หลุดพ้นจากการเป็นทาสกลายเป็นเจ้าของประเทศและมีสิทธิ์กำหนดชะตากรรมของตัวเอง บทความยังชี้ชัดว่า ชัยชนะของการปฏิวัติในเดือนสิงหาคมที่ให้กำเนิดประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามเป็นชัยชนะแห่งความมุ่งมั่น สติปัญญาและจิตใจการต่อสู้อย่างหาญกล้าของชาวเวียดนามทุกคนภายใต้การนำที่ถูกต้องและมีความคิดสร้างสรรค์ของพรรคคอมมิวนิสตร์เวียดนามโดยประธานโฮจิมินห์เป็นผู้นำเป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ จากคุณค่าทางประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่และประสบการณ์อันหลากหลายในตลอด ๖๗ ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์ประชาชาติและประชาชนเวียดนามได้ประสบชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ว่าจะเป็นชัยชนะเดียนเบียนฟูที่ได้รับการยกย่องจากทั่วโลก ชัยชนะในฤดูใบไม้ผลิปี ๑๙๗๕ การรวมประเทศเป็นเอกภาพไปจนถึงความสำเร็จของภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศ และการสร้างสรรค์และพิทักษ์ประเทศสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งนับเป็นประสบการณ์และบทเรียนอันล้ำค่าที่ทำให้เวียดนามสามารถฟันฝ่าอุปสรรค์และการท้าทายต่างๆจนได้สร้างประวัติศาสตร์การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ของประเทศ ซึ่งบทเรียนเหล่านี้คือ การรู้จักใช้ธงเอกราชแห่งชาติกับสังคมนิยม ภารกิจการปฏิวัติเป็นของประชาชนทุกคน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน ซึ่งมีแต่ประชาชนเท่านั้นที่จะเป็นคนสร้างชัยชนะทางประวัติศาสตร์ พลังอันเข้มแข็งของพรรคมาจากความผูกพันระหว่างพรรคกับประชาชนดั่งชีวิตและเลือดเนื้อ นั่นคือบทเรียนเกี่ยวกับการเสริมสร้างความสามัคคีภายในพรรค สามัคคีชนทั้งชาติ สามัคคีระหว่างประเทศ ซึ่งความสามัคคีเป็นเกียรติประวัติอันล้ำค่าและเป็นพลังอันเข้มแข็งของการปฏิวัติเวียดนาม รวมทั้งบทเรียนเกี่ยวกับการนำที่ถูกต้องของพรรค อันเป็นปัจจัยชี้ขาดต่อชัยชนะของเวียดนาม หากพรรค กองทัพและประชาชนทั้งปวงปฏิบัติตามบทเรียนเหล่านี้อย่างจริงจังจะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคทุกประการได้ บทความของประธานเจืองเติ้นซางได้ระบุชัดว่า ความสามัคคี การปรองดองและความเป็นหนึ่งเดียวได้นำมาซึ่งชัยชนะของเวียดนามในระยะต่างๆในอดีตและยังจะเป็นมาตรการที่ทรงประสิทธิภาพที่ช่วยให้ประเทศสามารถฟันฝ่าระยะที่ยากลำบากและเต็มไปด้วยการท้าทายต่างๆในปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งในระยะใหม่นี้ มาตรการดังกล่าวต้องเน้นในเป้าหมาย “ ประชาชนมั่งคั่ง ประเทศเจริญเข้มแข็ง มีประชาธิปไตย ความยุติธรรมและอารยธรรม ” บทความก็ชี้ให้เห็นชัดถึงหน้าที่ของพรรคและรัฐคือ ต้องสร้างเงื่อนไขที่นำไปสู่พฤติกรรมในทางบวกภายในพรรคและประชาชนเพื่อให้การเสริมสร้างและสร้างสรรค์รัฐเวียดนามที่นับวันบริสุทธิ์และเข้มแข็งยิ่งขึ้น บทความยังย้ำว่า พวกเรากำลังพัฒนาประเทศตามเส้นทางอุตสาหกรรมที่ทันสมัยในขั้นพื้นฐานภายในปี ๒๐๒๐ มีการพัฒนาในระดับปานกลาง การเมืองและสังคมมีเสถียรภาพ มีประชาธิปไตย มีระเบียบวินัย ชีวิตทางวัตถุและจิตใจของประชาชนจะดีขึ้นเรื่อยๆ สามารถรักษาเอกราช อธิปไตย ความเป็นเอกภาพและบูรณะภาพแห่งดินแดนของประเทศ ตลอดจนฐานะของเวียดนามบนเวทีโลกนับวันยิ่งสูงเด่นมากขึ้น อันเป็นการสร้างพื้นฐานที่มั่นคงในการพัฒนาในระยะต่อไปอย่างรวดเร็วและมั่นคง ซึ่งในระยะนี้ เราต้องปฏิบัติเป้าหมายดังกล่าวให้ได้ ด้วยความเชื่อมั่นและความรักประเทศ พวกเราต้องทำงานเพื่อสร้างสรรค์ประเทศให้สวยงามและเจริญเข้มแข็งยิ่งขึ้นดังความปรารถนาของลุงโฮ
ตอนท้ายของบทความได้ย้ำว่า พวกเราต้อจดจำตลอดไปว่า รุ่นของพวกเราได้สืบทอดดอกผลของการปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่ในเดือนสิงหาคม ในนาทีนี้ เราทุกคนคิดถึงลุงโฮ ผู้นำที่อัจฉริยะ วีรชนปลดปล่อยชาติและนักวัฒนธรรมที่ยอดเยี่ยมด้วยความเคารพอย่างสูง พวกเรารู้สึกภาคภูมิใจในสิ่งที่เราได้สร้างไว้ แต่ก็รู้สึกละอายใจต่อบรรพบุรุษในสิ่งที่เราทำผิดพลาดซึ่งเป็นอุปสรรคขัดขวางเส้นทางพัฒนาประเทศ อย่างไรก็ดี พวกเราต้องมีความตั้งใจอย่างสูงที่จะเดินต่อไปบนเส้นทางนี้อย่างมั่นคงเพื่อพัฒนาประเทศให้ยืนยงคงอยู่ตลอดไป ./.