(VOVworld) – ที่ประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ครั้งที่๗ ได้ออกมติเกี่ยวกับ“การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในเชิงรุก ขยายการบริหารควบคุมทรัพยากรและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม”ซึ่งถือเป็นแนวทางที่สำคัญเพื่อให้หน่วยงานทุกระดับปฏิบัติมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การบริหารควบคุมทรัพยากรและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

การประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ครั้งที่๗ (Photo:hanoimoi.online)

ในทางเป็นจริง การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในเวียดนามกำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่าการพยากรณ์ ตามข้อมูลสถิติ ทุกปี ภัยธรรมชาติได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจคิดเป็นร้อยละ๑ถึงร้อยละ๑.๕ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ทรัพยากรธรรมชาติยังไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ มลภาวะสิ่งแวดล้อมกำลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจนนำไปสู่การขาดความสมดุลย์ของระบบนิเวศในวงกว้าง  หนึ่งในหน้าที่ที่เป็นรูปธรรมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การบริหารควบคุมทรัพยากรและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ถูกระบุในมติการประชุมคณะกรรมการกลางพรรค ครั้งที่๗คือ การขยาย และปรับปรุงการประชาสัมพันธ์ ให้การศึกษา ปลูกฝังจิตสำนึกเกี่ยวกับการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในเชิงรุก ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างประหยัดและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมซึ่งก็เป็นสิ่งที่ท่านNguyễn Phú Trọng เลขาธิการใหญ่พรรคก็ได้กล่าวชัดเจนในนัดปิดประชุมครั้งนี้ว่า“ก่อนอื่นต้องปลูกฝังจิตสำนึกในพรรค หมู่ประชาชนและทั้งระบบการเมืองโดยถือการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในเชิงรุก การบริหารควบคุมทรัพยากรและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาที่มีความหมายชี้ขาดต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นเป้าหมายและก็เป็นหนึ่งในเนื้อหาขั้นพื้นฐานของการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ต้องสอดแทรกกับยุทธศาสตร์ แผนพัฒนา โครงการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของแต่ละหน่วยงานและท้องถิ่นแต่ละแห่ง”  การขยายการประชาสัมพันธ์ ให้การศึกษาเกี่ยวกับการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การใช้ทรัพยากรอย่างประหยัดและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมถือเป็นการส่งเสริมความเป็นฝ่ายรุกของหน่วยงานทุกระดับและประชาชนทุกคนเกี่ยวกับปัญหานี้ ท่านVũ Hồng Khanh รองประธานคณะกรรมการประชาชนกรุงฮานอยกล่าวว่า“สิ่งที่สำคัญที่สุดในปัจจุบันคือ พวกเราต้องเลือก ต้องเน้นเป้าหมาย และยืนหยัดปฏิบัติโดยเน้นในโรงเรียนเพื่อประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การบริหารควบคุมทรัพยากรและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในหลักสูตรภาคปฏิบัติและก็ถึงเวลาแล้วที่ต้องระบุเนื้อหาด้านกฏหมาย ระเบียบ นโยบายในหนังสือตำราเรียนเพื่อให้นักเรียนสำนึกในปัญหานี้ เพิ่มจิตสำนึกความรับผิดชอบและหน้าที่ในการเข้าร่วมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในเชิงรุก”

การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การบริหารควบคุมทรัพยากรและการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นความรับผิดชอบของรัฐ สถานประกอบการและประชาชนทุกคน (Photo:Tienphong.online)

การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การบริหารควบคุมทรัพยากรและการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นความรับผิดชอบของรัฐ สถานประกอบการและประชาชนทุกคน รวมทั้งบรรดานักวิทยาศาสตร์ที่ต้องผลักดันการวิจัยและประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยในด้านนี้  ท่านNgô Thuần Khiết รองหัวหน้าคณะกรรมการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อมของสหพันธ์สมาคมวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี เห็นว่า ตามเจตนารมณ์ของมติฉบับนี้ ทัศนะนี้ต้องระบุในเอกสารกฏหมายเพื่อให้บรรดานักวิทยาศาสตร์เข้าร่วมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างแข็งขัน“ก่อนอื่น พวกเราต้องเปลี่ยนแปลงทัศนะในการชี้นำ โดยเฉพาะ การปรับปรุงระเบียบการจัดสรรแหล่งพลังให้แก่การป้องกันและแก้ไขปัญหาเปลี่ยนแแปลงของสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและเพื่อแก้ไขปัญหานี้ต้องมีการประสาน งานอย่างแน่นแฟ้นระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน เพราะที่ผ่านมา พวกเราไม่เคยระดม ไม่มีการออกนโยบาย หรือมาตรการเพื่อให้ภาคเอกชนเข้าร่วมงานด้านนี้”    การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การบริหารควบคุมทรัพยากรและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมต้องผนึกแน่นกับการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและขยายการบริหารของรัฐในด้านนี้  เกี่ยวกับปัญหานี้ ท่านNguyễn Phú Trọng กล่าวว่า“หน้าที่ของพวกเราคือผลักดันการปรับปรุงรูปแบบการขยายตัว และโครงสร้างเศรษฐกิจตามแนวทางการขยายตัวที่เป็นมิตรกับสิ่งแสดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน พัฒนารูปแบบเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามพื้นที่ แขนงและด้านต่างๆเป็นการนำร่อง แล้วขยายผลในทั่วประเทศ ปฏิบัติการแบ่งเขตนิเวศเพื่อเป็นพื้นฐานให้แก่การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคม แขนง ด้าน และท้องถิ่นให้สอดคล้องกับลักษณะนิเวศวิทยาของแต่ละเขต มีความกลมกลืนกับธรรมชาติและปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ”  ตามมติดังกล่าว ในปี๒๐๕๐ เวียดนามจะกลายเป็นประเทศที่พัฒนา ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพและยั่งยืน คุณภาพสิ่งแวดล้อมในการดำรงชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ ได้มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมเหมือนประเทศอุตสาหกรรมต่างๆในภูมิภาค./.