ทุกปี เวียดนามส่งแรงงานตั้งแต่ 8 หมื่นถึง 9 หมื่นคนไปทำงานในต่างประเทศ ปัจจุบัน มีแรงงานเวียดนามเกือบ 5 แสนคนกำลังทำงานอย่างถูกต้องในกว่า 40 ประเทศและดินแดน และส่งเงินกลับประเทศกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แรงงานที่ทำงานในต่างประเทศได้มีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของครอบครัวและของประเทศ

นับตั้งแต่กฎหมายชาวเวียดนามไปทำงานในต่างประเทศมีผลบังคับใช้เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2007 การปกป้องสิทธิของผู้ใช้แรงงานจึงได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนใจของรัฐบาลต่อการปกป้องสิทธิผลประโยชน์ของผู้ใช้แรงงานในต่างประเทศในสภาวการณ์แห่งการผสมผสาน ต่อจากนั้นเมื่อปี 2012 กฎหมายสหภาพแรงงานที่ได้รับการประกาศใช้ก็ย้ำถึงบทบาทของสหภาพแรงงานในการให้คำปรึกษาแก่แรงงานเกี่ยวกับสัญญาจ้างงาน แก้ไขการพิพาทและเป็นตัวแทนของแรงงานในการฟ้องร้องและเข้าร่วมการดำเนินคดีด้านแรงงาน

บนพื้นฐานทางนิตินัยดังกล่าว องค์การสหภาพแรงงานได้มีกิจกรรมต่างๆเพื่อปกป้องแรงงานที่ไปทำงานในต่างประเทศ เช่นจัดการสัมมนาเชิงวิชาการเกี่ยวกับแรงงานอพยพ เข้าร่วมเครือข่ายให้การช่วยเหลือข้อมูลการเคลื่อนย้ายแรงงาน ร่วมมือกับกระทรวงและหน่วยงานต่างๆปฏิบัติกิจกรรมปกป้องแรงงานอพยพ มีข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขและเพิ่มเติมข้อกำหนดของกฎหมายเพื่อปรับปรุงกรอบทางนิตินัยเกี่ยวกับการปกป้องสิทธิผลประโยชน์ให้แก่แรงงานอพยพและสิทธิของสหภาพแรงงานในกิจกรรมนี้ให้มีความสมบูรณ์ ที่น่าสนใจคือเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2016 สหภาพแรงงานเวียดนามและกองทุนเอเชียได้ประสานปฏิบัติโครงการ “ผลักดันการปกป้องสิทธิให้แก่แรงงานเวียดนามไปทำงานในต่างประเทศ” โดยเป้าหมายของโครงการคือผลักดันการปกป้องสิทธิการทำงานให้แก่แรงงานที่เตรียมไปทำงานในต่างประเทศและแรงงานที่ได้กลับประเทศแล้ว โดยสหภาพแรงงานทุกระดับผลักดันการจัดสรรข้อมูลและให้คำปรึกษาแก่แรงงานที่มีความประสงค์ที่จะไปทำงานในต่างประเทศ ผลักดันการเข้าถึงโอกาสการทำงานให้แก่แรงงานที่กลับประเทศแล้ว จัดการสัมมนาเกี่ยวกับการยกระดับจิตสำนึกให้แก่นักวางนโยบายและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับปัญหาที่แรงงานต้องเผชิญ นาย Filip Graovac รองหัวหน้าของกองทุนเอเชียในกรุงฮานอยได้เผยว่า“พวกเราเห็นว่า เจ้าหน้าที่ผู้บริหารในคณะกรรมการตำบลและเจ้าหน้าที่ของสหภาพแรงงานมีบทบาทสำคัญในกระบวนการรับสมัครแรงงานไปทำงานในต่างประเทศ พวกเขาเป็นผู้ที่แรงงานมาติดต่อเพื่อทำเอกสารก่อนไปทำงานในต่างประเทศ นี่คือแถวขบวนเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์และที่ปรึกษาในท้องถิ่น แต่กลุ่มเจ้าหน้าที่สหภาพแรงงานในท้องถิ่นยังไม่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องถึงการส่งแรงงานไปทำงานในต่างประเทศเพื่อประชาสัมพันธ์ให้แก่แรงงาน ดังนั้น ส่วนหนึ่งของโครงการจะเน้นฝึกอบรมเจ้าหน้าที่เหล่านี้”

เช่นเดียวกับความเห็นของนาย ดั่งกวางเดี่ยว นาง เลถิกิมเงิน หัวหน้าคณะกรรมการนโยบายกฎหมายของสหภาพแรงงานจังหวัดกว๋างหงายได้เผยว่า ในเวลาที่จะถึง จังหวัดกว๋างหงายจะเลือกเจ้าหน้าที่ของสหภาพแรงงานระดับตำบลที่ให้คำปรึกษาแก่กลุ่มแรงงานเพื่อฝึกอบรม ยกระดับทักษะวิชาชีพและความสามารถในการประชาสัมพันธ์เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ดีขึ้น

เพื่อค้ำประกันสิทธิผลประโยชน์ของแรงงานข้ามชาติอย่างเต็มที่ เวียดนามต้องมีก้าวเดินที่กว้างไกลมากขึ้นในการผสมผสานทางนิตินัยในด้านนี้ผ่านการลงนามบันทึกช่วยจำกับประเทศรับแรงงาน เตรียมเงื่อนไขที่จำเป็นเพื่อเข้าร่วมอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิแรงงานข้ามชาติและสมาชิกในครอบครัวปี 1990 นอกจากนั้น สหภาพแรงงานต้องมีข้อเสนอแนะที่เข้มแข็งเกี่ยวกับเนื้อหาที่ต้องแก้ไขและเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงระบบกฎหมายให้มีความสมบูรณ์ สร้างพื้นฐานทางนิตินัยเพื่อค้ำประกันสิทธิผลประโยชน์ที่ชอบธรรมให้แก่แรงงานเวียดนามที่ทำงานในต่างประเทศ ผลักดันโครงการร่วมมือระหว่างสภาพแรงงานเวียดนามกับสหภาพแรงงานของประเทศที่รับแรงงาน

การส่งแรงงานไปทำงานในต่างประเทศคือแนวทางใหญ่ของเวียดนามเพื่อแก้ปัญหาความยากจนและยกระดับคุณภาพการทำงาน ซึ่งในกระบวนการนี้ ส่วนร่วมขององค์การสหภาพแรงงานจะช่วยปกป้องสิทธิผลประโยชน์ที่ชอบธรรมของแรงงานในต่างประเทศให้ดีขึ้น.