 ประธานประเทศ เหงียนซวนฟุ๊ก หารือกับกลุ่มร่างโครงการฯ (VNA) |
การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 13 ได้กำหนดว่า “สร้างสรรค์และปรับปรุงนิติรัฐสังคมนิยมเวียดนามที่เป็นของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชนภายใต้การนำของพรรคฯ คือหน้าที่หลักในงานด้านการเปลี่ยนแปลงใหม่ระบบการเมือง” โดยมีแนวทางการปฏิบัติสำคัญคือ “ยกระดับทักษะความสามารถ การบังคับใช้และประสิทธิภาพการดำเนินงานของรัฐ ระบุอย่างชัดเจนถึงบทบาท สถานะ ลักษณะ หน้าที่และอำนาจของสำนักงานภาครัฐในการปฏิบัติสิทธิด้านนิติบัญญัติ การบังคับใช้และตุลาการบนหลักการแห่งการบริหารด้วยอำนาจกฎหมาย ค้ำประกันความเป็นเอกภาพในอำนาจการบริหารของรัฐ มีการกระจายอำนาจอย่างชัดเจน ประสานงานอย่างใกล้ชิดและเพิ่มการควบคุมอำนาจภาครัฐ สร้างสรรค์ระบบกฎหมายให้มีความสมบูรณ์ ทันการณ์ พร้อมเพรียง เป็นเอกภาพ มีประสิทธิภาพ โปร่งใส เปิดเผย มีเสถียรภาพ ถือสิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบธรรมของประชาชนและสถานประกอบการเป็นหลักเพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงใหม่ในเชิงสร้างสรรค์และตอบสนองต่อกระบวนการการพัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืน”
ในกระบวนการปฏิบัติมติการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคฯ สมัยที่ 13 เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2021 กรมการเมืองได้ประกาศจัดตั้งคณะกรรมการชี้นำการจัดทำโครงการ “ยุทธศาสตร์การสร้างสรรค์นิติรัฐสังคมนิยมเวียดนามให้สมบูรณ์ถึงปี 2030 วิสัยทัศน์ถึงปี 2045" โดยประธานประเทศ เหงียนซวนฟุ๊ก เป็นหัวหน้าคณะกรรมการฯ และ ได้มีการจัดการสัมมนาระดับชาติรวม 3 ครั้ง ซึ่งนาย ฟานดิ่งฉาก หัวหน้าคณะกรรมการกิจการภายในและรองหัวหน้าคณะกรรมการชี้นำฯได้ยืนยันว่า “บนเจตนารมณ์ที่ตรงไปตรงมา มีความรับผิดชอบและกล้าปฏิบัติ จากข้อเสนอเชิงก้าวกระโดดที่มีพื้นฐานทางทฤษฎีและเชิงปฏิบัติ สอดคล้องกับลักษณะและความต้องการในการพัฒนาของประเทศในระยะต่อไป” ที่ประชุมสัมมนาเหล่านั้นสามารถระดมความคิดเห็นในเชิงลึกและถอดประสบการณ์จากการวิจัยทางทฤษฏีและการปฏิบัติจริงในด้านนิติบัญญัติ การบริหารและตุลาการ ส่วนรองศ.ดร. หว่างเท้เลียน อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรมกล่าวว่า “ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการและนักวางนโยบายได้หารืออย่างกว้างลึกและตรงไปตรงมาเกี่ยวกับประเด็นต่างๆที่เสนอในต่อการสัมมนา โดยการสัมมนาเหล่านี้สามารถผลักดันความคิดของสังคมเพื่อมีส่วนร่วมสร้างสรรค์โครงการฯ” ศ.ดร. ด่าวชี้อุ๊ก ประธานสภา ศ.นิติศาสตร์ สภา ศ.แห่งรัฐได้ประเมินว่า การสัมมนาเหล่านี้ “ได้ระบุอย่างชัดเจนถึงผลสำเร็จและปัญหาหลักๆที่เป็นยุทธศาสตร์และก้าวกระโดดในการสร้างสรรค์นิติรัฐสังคมนิยมในเวียดนามต่อไป”
 ภาพในการหารือ (VNA) |
นอกจากนั้น สำนักงานและองค์กรต่างๆได้จัดการสัมมนา เสวนาและประชุมเพื่อรวบรวมความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการ ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการในประเด็นต่างๆของโครงการฯ โดยจนถึงปลายเดือนมีนาคมปี 2022 กลุ่มร่างโครงการฯสามารถจัดทำเอกสารได้กว่า 4,000 หน้าจากผลการสัมมนา การเสวนาและการประชุมเหล่านี้ ซึ่งเป็นพื้นฐานให้แก่การจัดทำโครงการฯ ดั่งคำยืนยันของประธานประเทศ เหงียนซวนฟุ๊ก ในการประชุมสรุปผลการสัมมนาแห่งชาติครั้งที่ 3 ที่มีขึ้น ณ นครโฮจิมินห์เมื่อเร็วๆนี้คือ “ นิติรัฐคือรูปแบบการบริหารของรัฐบนพื้นฐานการให้ความเคารพรัฐธรรมนูญและกฎหมายเพื่อค้ำประกันความเป็นประชาธิปไตยของรัฐ ซึ่งนำไปสู่ทัศนะ “การสร้างสรรค์นิติรัฐสังคมนิยมเวียดนามให้มีความสมบูรณ์คือกระบวนการที่รัฐเวียดนามจัดตั้งและปฏิบัติตามหลักการ คุณลัษณะทั่วไปและความก้าวหน้าของนิติรัฐที่ทันสมัย ตามแนวทางสังคมนิยม มีเอกลักษณ์วัฒนธรรมของเวียดนาม เป็นรัฐของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชนภายใต้การนำของพรรคเพื่อปฏิบัติเป้าหมายพัฒนาประเทศและนำความผาสุกมาให้แก่ประชาชน” ซึ่งกระบวนการนั้นต้องอาศัยทฤษฎีวัตถุนิยมวิภาษของลัทธิมากซ์-เลนิน ต้องประยุกต์ใช้และพัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับประชาธิปไตยและนิติรัฐของประธานโฮจิมินห์อย่างสร้างสรรค์ สานต่อและส่งเสริมพลังภายใน รวมทั้งผลสำเร็จที่ได้บรรลุในตลอด 35 ปีที่ปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศ กลั่นกรองประสบการณ์จากนานาชาติ มีขั้นตอนและก้าวเดินที่สอดคล้องกับความต้องการพัฒนาประเทศในแต่ละระยะ พร้อมทั้งเป็นการยืนยันว่า “ การสร้างสรรค์และปรับปรุงนิติรัฐสังคมนิยมเวียดนามให้มีความสมบูรณ์คือกฎแห่งการพัฒนาที่รัฐเวียดนามต้องมุ่งปฏิบัติ ซึ่งสอดคล้องกับยุคสมัย เป็นแนวทางเดียวที่ถูกต้องของพรรค เป็นความคาดหวังและเป็นการเลือกเฟ้นของประชาชน เป็นความต้องการเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างรวดเร็ว ยั่งยืนและผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างกว้างลึกและรอบด้าน”
จากการปฏิบัติแนวคิดดังกล่าว เนื้อหาในร่างโครงการฉบับแรกนี้ได้เกาะติดหลักนโยบายการพัฒนาประเทศ รัฐธรรมนูญปี 2013 มติต่างๆของส่วนกลาง โดยเฉพาะมติของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคฯ สมัยที่ 13 ที่มีจุดใหม่ที่เป็นก้าวกระโดด ซึ่งจะช่วยให้การเปลี่ยนแปลงใหม่ในการสร้างสรรค์นิติรัฐสังคมนิยมเวียดนามมีความเข้มแข็งและสมบูรณ์ในเวลาข้างหน้า.