(VOVworld) – ในกรอบการเยือนบางประเทศยุโรป ในวันที่ 18 ตุลาคม ท่านเหงียนเติ๊นหยุงนายกรัฐมนตรีเวียดนามจะเดินทางไปเยือนสำนักวาติกันอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของพระสันตะปาปาฟรานซิส บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีงามระหว่างเวียดนามกับวาติกันในหลายปีที่ผ่านมา การเยือนสำนักวาติกันครั้งนี้ของท่านเหงียนเติ๊นหยุงจะวางรากฐานให้แก่ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองฝ่ายให้มั่นคงยิ่งขึ้นในเวลาข้างหน้า
|
ท่านเหงียนเติ๊นหยุงนายกรัฐมนตรีเวียดนาม
|
ประกาศของสำนักวาติกันก่อนการเยือนครั้งนี้ได้ย้ำว่า พระสันตะปาปาฟรานซีสและนายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงจะพบปะกันในวันที่ 18 ตุลาคมเพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการผลักดันความสัมพันธ์ทวิภาคีและปัญหาระหว่างประเทศที่ทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสนใจ การพบปะครั้งนี้และการพบปะทวีภาคีครั้งต่างๆในหลายปีที่ผ่านมาจะสร้างพื้นฐานให้แก่ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเวียดนามกับวาติกันอย่างแน่นอน
การสนทนาเป็นพื้นฐานเพื่อสร้างสรรค์และพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับวาติกัน
ถ้ามองในภาพรวมของความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับวาติกันนับตั้งแต่ปี 1990 ของศตวรรษที่ 20 มาจนถึงปัจจุบัน อาจยืนยันว่า การสนทนามีส่วนร่วมสำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่าย ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ให้ความสำคัญต่อการสนทนาบนพื้นฐานของการเคารพข้อตกลงที่มีลักษณะหลักการ ซึ่งได้สร้างความเข้าใจระหว่างสองฝ่ายเพื่อแสวงหาจุดเห็นพ้องกันและร่วมกันผลักดันความสัมพันธ์เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันและของแต่ละฝ่าย
เครื่องหมายสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับวาติกันคือการพบปะระหว่างนายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงกับพระสันตะปาปาเบเนดิกที่ 16 ณ สำนักวาติกันเมื่อวันที่ 25 มกราคมปี 2007 ซึ่งเป็นการยืนยันนโยบายการต่างประเทศที่ถูกต้องและชัดเจนของรัฐเวียดนาม สะท้อนผลการปฏิบัติแนวทางสนทนาที่ทั้งสองฝ่ายได้แสดงความรับผิดชอบตั้งแต่ปี 1990 ในการพบปะครั้งแรก พร้อมทั้งเป็นการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์เพื่อช่วยให้สองฝ่ายกระเถิบเข้าใกล้กันมากขึ้น ในการพบปะครั้งนั้น นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ยืนยันว่า “รัฐบาลเวียดนามให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์กับสำนักวาติกัน รัฐบาลเวียดนามจะปฏิบัติแนวทางการสนทนาโดยตรงกับสำนักวาติกันบนพื้นฐานของหลักการที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันคือ ให้ความเคารพกันและไม่แทรกแซงกิจการภายในของกัน เวียดนามมีความประสงค์ว่า สำนักวาติกันจะมีเสียงพูดในลักษณะให้กำลังใจต่อชมรมชาวคริสต์ในเวียดนามให้มีความผูกพันกับประเทศและประชาชาติมากขึ้นเพื่อเป็นพื้นฐานให้แก่การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสำนักวาติกัน”
ต่อจากนั้น เมื่อวันที่ 11ธันวาคมปี 2009 ประธานประเทศเวียดนามในสมัยนั้นท่านเหงียนมิงเจี๊ยดได้เข้าเยี่ยมคารวะพระสันตะปาปาเบเนดิกที่ 16 ณ สำนักวาติกัน ซึ่งถือเป็นการเยือนครั้งประวัติศาสตร์ในความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายและได้รับคำชื่นชมจากประชามติ ข่าวสารนิเทศของสำนักวาติกันได้ระบุว่า “สำนักวาติกันแสดงความยินดีต่อการเยือนครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นก้าวเดินที่มีความหมายต่อการพัฒนความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างเวียดนามกับสำนักวาติกัน”
|
ท่านเหงียนมิงเจี๊ยดเข้าเยี่ยมคารวะพระสันตะปาปาเบเนดิกที่ 16 (Photo VNplus)
|
สร้างกลไกผลักดันความร่วมมือทวิภาคี
หลังการเยือนที่มีลักษณะหัวเลี้ยวหัวต่อดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องกันว่า จะผลักดันความสัมพันธ์ทวิภาคีโดยการจัดตั้งหน่วยผู้เชี่ยวชาญผสมซึ่งนำโดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของแต่ละฝ่าย ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน สองฝ่ายได้ผลัดกันจัดการเจรจาในทุกปี และบนเจตนารมที่ตรงไปตรงมาและเปิดเผย การสนทนาครั้งต่างๆสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้ เช่น การแต่งตั้งบุคลากรให้แก่สำนักสังฆนายกในเวียดนาม การเปิดคริสตรจักรใหม่ๆ การส่งนักบวชและบาทหลวงไปศึกษาในต่างประเทศและการที่สมาคมคริสตศาสนาเวียดนามเชิญองค์กรและบุคคลชาวคริสตร์จากต่างประเทศเข้ามาเวียดนามประกอบศาสนกิจ การพบปะแลกเปลี่ยนระหว่างคณะตัวแทนเวียดนามกับวาติกันมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในการเยือนครั้งต่างๆดังกล่าว คณะตัวแทนของวาติกันได้รับการต้อนรับอย่างดีจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเวียดนามตั้งแต่ส่วนกลางไปจนถึงส่วนภูมิภาคและการต้อนรับอย่างสมเกียรติจากชมรมชาวคริสต์และผู้มีสมณศักดิ์ในเวียดนาม พร้อมทั้งมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับสมาคมคริสตศาสนาเวียดนาม ประเทศ คน ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเวียดนาม ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสำนักวาติกันนับวันยิ่งได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นจึงต้องการเจตนาที่ดีในการสนทนาและในทางปฏิบัติ
นโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายเกี่ยวกับเสรีภาพด้านศาสนาของเวียดนาม
อาจยืนยันได้ว่า จนถึงขณะนี้ เวียดนามได้ปฏิบัตินโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายคือให้การเคารพและค้ำประกันสิทธิเสรีภาพด้านความเลื่อมใสและการนับถือศาสนาของประชาชน รวมทั้งชาวคาคริสต์ ซึ่งนโยบายเสรีภาพในด้านศาสนานั้นได้รับการตรวจสอบจากตัวแทนของสำนักวาติกันในการเยือนและหารือครั้งต่างๆในกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ในการประชุมรอบที่ 5 ของกลุ่มปฏิบัติงานผสมระหว่างเวียดนามกับสำนักวาติกัน ณ กรุงฮานอยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านม นาย Antoine Camilleri รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและหัวหน้าคณะตัวแทนของสำนักวาติกันได้ย้ำว่า คณะได้เห็นไมตรีจิตและความเปิดเผยของชาวเวียดนามและเห็นว่า ชีวิตทางจิตใจของชาวเวียดนามดีขึ้น
บนพื้นฐานของความสัมพันธ์อันดีงามนั้น การเยือนสำนักวาติกันครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีเหงียนเติ๊นหยุงและการพบปะกับพระสันตะปาปาฟรานซีสจะเป็นก้าวเดินใหม่เพื่อวางรากฐานอย่างมั่นคงให้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับวาติกัน ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายพัฒนายิ่งขึ้นจะนำมาผลประโยชน์อย่างจริงจังให้แก่ชาวคริสต์กว่า 6 ล้านคนในเวียดนามและมีส่วนร่วมต่อการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคและโลกอีกด้วย./.