นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก (vietnamplus) |
ตามความเห็นของนายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ประเทศและประชาชาติใดที่อยากมีความเจริญรุ่งเรืองต้องระดมและใช้พลังทุกแหล่งอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสนับสนุนการพัฒนา สำหรับเวียดนาม เพื่อปฏิบัติหน้าที่นี้ให้ประสบความสำเร็จ ต้องเน้นถึงแนวทางสำคัญๆ
โดยก่อนอื่นคือ เวียดนามต้องเปลี่ยนแปลงใหม่รูปแบบการขยายตัว ควบคู่กับการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ กำหนดเนื้อหาที่ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆอย่างถูกต้องเพื่อใช้ประโยชน์ ระดมพลังทุกแหล่งอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพควบคู่กับการพัฒนาหน่วยงานและแขนงอาชีพใหม่ๆบนพื้นฐานการใช้โอกาสจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม4.0 เวียดนามต้องเข้าร่วมการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยจิตใจแห่งการเป็นฝ่ายรุกและมีความคิดสร้างสรรค์ โดยเนื้อหาหลักคือผลักดันการพัฒนาวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี เปลี่ยนแปลงใหม่อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ในทุกหน่วยงาน แขนงอาชีพ ผลักดันการพัฒนาระบบดิจิทัลแห่งชาติ โดยเนื้อหาหลักคือการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล สร้างสรรค์ตัวเมืองอัจฉริยะ ทางการปกครองอิเล็กทรอนิกส์และมุ่งสู่ทางการดิจิทัล เวียดนามต้องเน้นปรับปรุงกลไก กฎหมายเกี่ยวกับสถานประกอบการ การทำธุรกิจสตาร์อัพอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ลิขสิทธิ์ทางปัญญา การค้า การลงทุนและการประกอบธุรกิจให้มีความสมบูรณ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ทุกองค์กรและทุกคน โดยก่อนอื่นคือสถานประกอบการเป็นฝ่ายรุกในการเข้าร่วมการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 มีนโยบายพัฒนาและยกระดับความสามารถเปลี่ยนแปลงใหม่ นวัตกรรม สร้างสรรค์และพัฒนาศูนย์พัฒนานวัตกรรมระดับประเทศ เน้นพัฒนาหน่วยงานและเทคโนโลยีที่ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆที่มีความพร้อมในระดับสูง มีความผูกพันที่ใกล้ชิดกับความร่วมมือระหว่างประเทศเกี่ยวกับการพัฒนาวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี เวียดนามต้องสร้างก้าวกระโดดเกี่ยวกับคุณภาพของแหล่งบุคลากร ปรับปรุงกลไก นโยบายดึงดูดและใช้ผู้ที่มีความสามารถ แหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพสูงให้มีความสมบูรณ์ ไม่เลือกปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นชาวเวียดนามที่อาศัยภายในประเทศหรืออาศัยในต่างประเทศ รวมทั้งการดึงดูดผู้เชี่ยวชาญต่างชาติให้เข้ามาทำงานในเวียดนาม
นอกจากนั้น เพื่อระดมพลังทุกแหล่งอย่างเต็มที่ ต้องเกาะติดและยืนหยัดปฏิบัติตามทัศนะของที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 12 คือ “ตลาดมีบทบาทสำคัญในการระดมและจัดสรรแหล่งพลังพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นพลังขับเคลื่อนหลักเพื่อพัฒนากำลังการผลิต “แหล่งพลังของรัฐได้รับการจัดสรรตามยุทธศาสตร์ การวางผังและแผนการให้สอดคล้องกับกลไกตลาด” ต้องแก้ไข “สิ่งกีดขวาง” ของกลไกและนโยบาย ซึ่งทำให้การสนับสนุนและการเบิกจ่ายเงินเป็นไปอย่างล่าช้า สิ่งที่สำคัญคือต้องค้ำประกันบทบาทหลักของตลาดในการระดมและจัดสรรแหล่งพลัง ต่อต้านพฤติกรรม “การคุ้มครอง”และ“ไม่เป็นไปตามกลไกของเศรษฐกิจเชิงตลาด” โดยเฉพาะค้ำประกันหลักการแข่งขันที่เสมอภาคในการเข้าถึงแหล่งพลังระหว่างเจ้าของของเศรษฐกิจเชิงตลาดตามแนวทางสังคมนิยม ซึ่งทำให้การสนับสนุนเข้าถึงเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพ
สร้างพลังขับเคลื่อนใหม่นำประเทศพัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืน |
ประเด็นที่ 3 คือต้องเปลี่ยนแปลงใหม่กลไกและนโยบายอย่างเข้มแข็งเพื่อระดมการสนับสนุนนอกภาครัฐให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ยกระดับประสิทธิภาพการลงทุนภาครัฐและกิจกรรมการประกอบธุรกิจที่มีเงินลงทุนของรัฐ ปรับปรุงกลไก กฎหมาย นโยบายระดมแหล่งเงินลงทุนจากทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ รวมทั้งนักลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศเพื่อผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ค้ำประกันความกลมกลืนของผลประโยชน์ระหว่างรัฐ นักลงทุนและสังคม ซึ่งถือเป็นมาตรการที่เป็นก้าวกระโดดเพื่อผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาเศรษฐกิจสังคมให้มีความทันสมัย
ประเด็นที่ 4 คือเป็นฝ่ายรุกในการเกาะติด ใช้แนวโน้มแห่งการเปลี่ยนย้ายแขนงอาชีพอย่างเต็มที่ควบคู่กับการปรับเปลี่ยนแหล่งพลังที่กำลังมีขึ้นในปัจจุบันเพื่อเพิ่มความสามารถในการดึงดูดและใช้แหล่งพลังจากภายนอกอย่างมีประสิทธิภาพ ดึงดูดและแปรแหล่งพลังจากภายนอกมาเป็นพลังภายใน การดึงดูดแหล่งเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือเอฟดีไอ ต้องเปลี่ยนเนื้อหาหลักจากการย้ำถึงปริมาณมาเป็นการให้ความสำคัญต่อคุณภาพมากขึ้น ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อโครงการที่มีมูลค่าเพิ่ม มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและรูปแบบการบริหารที่ทันสมัย มีการขยายผล เชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตและการจัดสรรในโลก เน้นถึงแหล่งพลังอื่นๆ เช่นเงินที่ชาวเวียดนามในต่างประเทศส่งกลับประเทศและการส่งออกแรงงานเพื่อสนับสนุนภารกิจการพัฒนาประเทศ
ต้องใช้โอกาสจากการปฏิบัติข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่ เช่นข้อตกลงหุ้นส่วนในทุกด้านและก้าวหน้าข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกหรือซีพีทีพีพี ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรปหรืออีวีเอฟทีเอและข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจในทุกด้านในภูมิภาคหรืออาร์ซีอีพี ตลอดจนข้อตกลงการค้าเสรีฉบับอื่นๆที่เวียดนามกำลังเจรจาและลงนามกับหุ้นส่วนต่างๆเพื่อดึงดูดการลงทุน ขยายตลาด ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและเข้าร่วมห่วงโซ่มูลค่าโลก
ตามความเห็นของนายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ปี 2020 เป็นปีที่เวียดนามดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนและสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี 2020-2021 จากโอกาสใหม่ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ยกระดับสถานะของเวียดนามให้สูงขึ้นบนเวทีโลก เวียดนามต้องมีความมุ่งมั่นทางการเมืองในระดับสูง มานะพยายาม มีปฏิบัติการที่เคร่งครัด โดยเฉพาะการผลักดันการปฏิรูประเบียบราชการเพื่อพัฒนา ระดมและใช้พลังทุกแหล่งอย่างมีประสิทธิภาพ ค้ำประกันการสนับสนุนทั้งด้านวัตถุและจิตใจ เชื่อมโยงการสนับสนุนจากทั้งภายในและต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างพลังขับเคลื่อนใหม่เพื่อนำประเทศพัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืน.