(VOVWorld)-จากความพยายามที่ยิ่งใหญ่ของพรรค รัฐและรัฐสภาเวียดนาม ในวาระที่ผ่านๆมา อัตราผู้แทนชนกลุ่มน้อยในสำนักงานที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนนับวันเพิ่มมากขึ้นและในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทางการและหน่วยงานทุกระดับได้ปฏิบัติมาตรการต่างๆเพื่อให้จำนวนผู้แทนชนกลุ่มน้อยจากการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นต่อไป
นาย หย่างแซวฝือ รัฐมนตรีและหัวหน้าคณะกรรมาธิการชนเผ่า
|
ใน๔วาระที่ผ่านมาของรัฐสภาเวียดนาม อัตราสมาชิกรัฐสภาที่เป็นชนกลุ่มน้อยคิดเป็นร้อยละ๑๕.๖ถึง๑๗ของจำนวนสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด ส่วนในการเลือกตั้งรัฐสภาครั้งนี้ ตามรายชื่อที่สภาการเลือกตั้งแห่งชาติได้ประกาศ จำนวนผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่เป็นชนกลุ่มน้อยอยู่ที่๒๐๔คนจากจำนวนผู้ลงสมัครทั้งหมด๘๗๐คน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ๒๓.๔๕ ส่วนอัตราผู้แทนสภาประชาชนระดับจังหวัดวาระปี๒๐๑๑-๒๐๑๖ที่เป็นชนกลุ่มน้อยก็อยู่ที่ร้อยละ๑๘ ในระดับอำเภอและตำบลอยู่ที่กว่าร้อยละ๒๐
สมาชิกรัฐสภาที่เป็นชนกลุ่มน้อยมีส่วนร่วมมากมาย
ในการประชุมรัฐสภา บรรดาสมาชิกรัฐสภาที่เป็นชนกลุ่มน้อยได้มีส่วนร่วมสำคัญในการวางนโยบายต่างๆของรัฐสภา โดยเฉพาะ นโยบายด้านชนเผ่า ในรัฐสภาสมัยที่๑๓ที่ผ่านมา รัฐสภาได้ทำการตรวจสอบการปฏิบัตินโยบายและกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารและการใช้ที่ดินในฟาร์มเกษตรและพื้นที่ปลูกป่าภาครัฐและนี่เป็นครั้งแรกที่นาย หย่างแซวฝือ หัวหน้าคณะกรรมาธิการชนเผ่าได้ตอบกระทู้ถามของสมาชิกรัฐสภาเกี่ยวกับปัญหาที่เกี่ยวข้องถึงโครงการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมในตำบลยากจนในเขตชนกลุ่มน้อยและเขตเขา เช่น มาตรการจัดระเบียบที่อยู่อาศัยในเขตที่มักเผชิญกับภัยธรรมชาติ ปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐาน การฝึกอาชีพ การจัดสรรที่ดินทำการผลิตและที่พักอาศัยให้แก่ประชาชนชนกลุ่มน้อย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สมาชิกรัฐสภาที่เป็นชนกลุ่มน้อยนับวันมีเสียงพูดในสำนักงานที่เป็นตัวแทนของประชาชนมากขึ้น
การฝึกอบรมให้แก่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่เป็นชนกลุ่มน้อย (Photo: vietnamplus.vn)
|
อุปสรรคสำหรับผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่เป็นชนกลุ่มน้อย
ถึงแม้ ในวาระที่ผ่านๆมา อัตราผู้แทนที่เป็นชนกลุ่มน้อยในสำนักงานที่มาจากการเลือกตั้งได้เพิ่มขึ้นแต่บางชนเผ่าก็ยังไม่มีตัวแทนเข้าร่วม ในสถานการณ์ที่เป็นจริงโดยรวมแล้ว วุฒิการศึกษาของประชาชนชนกลุ่มน้อยไม่สูง เงื่อนไขด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและสังคมยังคงประสบอุปสรรค ประชาชนหลายคนยังไม่รู้หนังสือ ดังนั้น งานด้านการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการลงสมัครรับเลือกตั้งและการเลือกตั้งจึงประสบอุปสรรคเป็นอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่นาย หว่างก๊วกแค้ง ชนเผ่าไย้ในจังหวัดลายโจวลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยเขาได้เผยว่า ถึงแม้ได้รับคำแนะนำและการสนับสนุนจากสำนักงานในการเข้าร่วมการฝึกอบรมเพื่อเรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการลงสมัครรับเลือกตั้งแต่การเข้าถึง การรวบรวมข้อมูลและการณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง การจัดทำโครงการปฏิบัติงานของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่เป็นชนกลุ่มน้อยเหมือนตัวเขายังคงเผชิญกับข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งเป็นอุปสรรค์ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง นาย หว่างก๊วกแค้งได้เผยว่า“ในเขตเขาและเขตชนกลุ่มน้อย การเข้าถึงข้อมูลใหม่ๆยังเป็นไปอย่างจำกัด สองคือ ระดับความรู้ของประชาชนยังอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้น ต้องใช้ความพยายามาเป็นอย่างมากในการพบปะกับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง”
นอกจากนี้ ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่เป็นชนกลุ่มน้อยยังต้องผ่านเกณฑ์ข้อกำหนดอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น เป็นผู้ลงสมัครสตรี เป็นคนรุ่นใหม่และไม่ใช่สมาชิกพรรคคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ซึ่งนี่ก็เป็นอุปสรรคในการค้ำประกันเป้าหมายคือมีอัตราสมาชิกรัฐสภาที่เป็นชนกลุ่มน้อยอย่างน้อยร้อยละ๑๘ของจำนวนสมาชิกรัฐสภาในการเลือกตั้งครั้งนี้
ฝึกอบรมให้แก่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่เป็นชนกลุ่มน้อย
นาย เหงวียนเลิมแถ่ง รองประธานสภาชนเผ่าแห่งรัฐภาได้เผยว่า ผลการเลือกตั้งขึ้นอยู่กับกระบวนการคัดเลือกผู้ลงสมัครและการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ดังนั้น เพื่อปฏิบัติเป้าหมายที่ได้วางไว้ ต้องมีการชี้นำและความเห็นพ้องจากพรรคสาขาและทางการทุกระดับ รวมทั้ง ความพยายามและความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ของหน่วยงาน สำนักงานต่างๆและแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนามในงานด้านการเลือกตั้ง จากการสนทนาทางการเมืองเพื่อแนะนำผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งและการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เพื่อเพิ่มความรู้และทักษะความสามารถในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งให้แก่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่เป็นชนกลุ่มน้อย สภาชนเผ่าแห่งรัฐสภาได้จัดการฝึกอบรมทักษะการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งให้แก่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาสมัยที่๑๔และสมาชิกสภาประชาชนทุกระดับวาระปี๒๐๑๖-๒๐๒๑ที่เป็นชนกลุ่มน้อยนับร้อยคน นาย เหงวียนเลิมแถ่งได้เผยว่า “การฝึกอบรมดังกล่าวช่วยให้ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่เป็นชนกลุ่มน้อยมีประสบการณ์ ความรู้และทักษะความสามารถเพิ่มมากขึ้นและมีความมั่นใจในตัวเองในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งและหวังว่า จะมีโอกาสได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง”
การฝึกอบรมเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อสร้างโอกาสให้แก่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่เป็นชนกลุ่มน้อย ซึ่งในระยะยาวเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งที่เป็นชนกลุ่มน้อยและมีตัวแทนของทั้ง๕๔ชนเผ่าในรัฐสภา หน่วยงานทุกระดับต้องมีปฏิบัติการที่เข้มแข็งมากขึ้นเพื่อวางแผนการการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ที่เป็นชนกลุ่มน้อยในสำนักงานที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน.