นาย บุ่ยแทงเซิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวปราศรัยในการสัมมนา |
ในการสัมมนา “อาเซียน 4.0 ส่งเสริมจิตใจของสถานประกอบการและการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0”เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ณ กรุงฮานอย บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจได้เผยว่า การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดดและมีความคิดสร้างสรรค์กำลังสะท้อนความได้เปรียบเมื่อเทียบกับประสบการณ์ วิธีการบริหารและรูปแบบการประกอบธุรกิจแบบเก่า
อาเซียนเป็นตลาดที่มีประชากรกว่า 630 ล้านคน มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นประจำประมาณ 260 ล้านคน ซึ่งถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญให้แก่การเปลี่ยนแปลงใหม่ และการลงทุนพัฒนารูปแบบการประกอบธุรกิจใหม่อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ แนวโน้มการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิตอลและการเชื่อมโยงต่างๆในยุคดิจิตอลได้สร้างโอกาสให้ประชาชนทุกคนสามารถทำธุรกิจสตาร์ทอัพ อีกทั้งสร้างโอกาสที่สำคัญให้สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมได้เข้าร่วมระบบห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาคและโลกมากขึ้น
โอกาสและความท้าทายที่มาพร้อมกัน
นอกเหนือจากโอกาสการพัฒนาในด้านต่างๆ การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ก็สร้างความท้าทายมากมายต่อประเทศสมชิกอาเซียนและเวียดนาม ซึ่งหนึ่งในความท้าทายที่สำคัญคือการหมุนเวียนและปรับเปลี่ยนโครงสร้างแรงงานในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานจำนวนมากเพราะผลกระทบจากระบบการผลิตอัตโนมัติ การปรับปรุงโครงสร้างแขนงอาชีพ รูปแบบการผลิตและประกอบธุรกิจ นาย บุ่ยแทงเซิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เผยว่า“การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 คือแนวโน้มที่สำคัญ ซึ่งอาจส่งผลกระทบในเชิงลึกต่อเศรษฐกิจเวียดนาม เช่น การพัฒนาเศรษฐกิจแบ่งปัน การค้าอิเล็กทรอนิก การทำธุรกิจสตาร์ทอัพที่สร้างสรรค์และผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ ซึ่งการพัฒนาระบบอัตโนมัติควบคู่กับปัญญาประดิษฐ์ทำให้เวียดนามสูญเสียความได้เปรียบในการแข่งขันสำหรับอุตสหกรรมที่ต้องการค่าจ้างแรงงานต่ำ”
สำหรับสถานประกอบการ โดยเฉพาะสถานประกอบการสตาร์ทอัพมีบทบาทสำคัญในการสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ให้แก่การขยายตัวด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในการผสมผสานระยะใหม่ ซึ่งเพื่อสามารถส่งเสริมบทบาทดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ สถานประกอบการต้องเป็นฝ่ายรุกในการเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างเข้มแข็งเพราะการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารการผลิตและการประกอบธุรกิจกำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งถ้าหากสถานประกอบการไม่มีการปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ก็จะไม่สามารถพัฒนาได้
ฟาร์มของบริษัท TH True Milk (http://baoquocte.vn) |
ผลักดันการเปลี่ยนแปลงใหม่และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี
จากความสำเร็จของบริษัท TH True Milk นาย โงมิงหาย รองประธานคณะกรรมการบริหารเครือบริษัท TH True Milk ได้เผยว่า การเปลี่ยนแปลงใหม่และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยคือกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จของสถานประกอบการในสภาวการณ์ปัจจุบัน“การประยุกต์ใช้เทคโนโลยขั้นสูงคือกุญแจทองเพื่อพัฒนาเครือบริษัท TH True Milk ซึ่งในช่วงแรกๆ ทางบริษัทฯได้ศึกษาและผลักดันการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในเวียดนาม อีกทั้งแสวงหาหุ้นส่วนต่างๆเพื่อประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการเลี้ยงปศุสัตว์ ปัจจุบัน ทางบริษัทฯมีโครงการลงทุนในต่างประเทศ มูลค่า 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและในเวลาข้างหน้า จะพัฒนาเครื่องหมายการค้าในประเทศต่างๆ เช่น กัมพูชา ฟิลิปปินส์ จีนและเมียนมาร์”
การปรับเปลี่ยนการลงทุนที่มุ่งสู่มาตรการพัฒนาการเกษตรและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีชีวภาพคือเป้าหมายที่สถานประกอบการเวียดนามให้ความสนใจในยุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 นาย หวิ่งวันถ่อน ประธานคณะกรรมการบริหารและผู้อำนวยการใหญ่เครือบริษัทโหลกเจิ่ยได้เผยว่า ต้องศึกษาและเตรียมพร้อมให้แก่โอกาสต่างๆ เช่น ในการจัดซื้อผลิตภัณฑ์เคมีเกษตรที่หลากหลาย ต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องและถูกต้องเพื่อสามารถจัดซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีในราคาถูก
เวียดนามมีความได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์เศรษฐกิจเพราะอยู่ในภูมิภาคอาเซียนที่พัฒนาอย่างคล่องตัว และอยู่ในเส้นทางที่เชื่อมระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้รับประโยชน์จากการหมุนเวียนแรงงานจากศูนย์กลางเศรษฐกิจตะวันตกตะวันออกและจากเหนือและใต้ ในสภาวการณ์ดังกล่าว การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 อาจส่งผลกระทบต่อการผลิตและประกอบธุรกิจของสถานประกอบการ จากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค การถือเทคโนโลยีเป็นปัจจัยหลักเพื่อสนับสนุนการขยายตัวและ การปรับเปลี่ยนการลงทุนประกอบธุรกิจ สถานประกอบการเวียดนามกำลังปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลกเพื่อผลักดันการผสมผสานและการพัฒนา.