(Photo VNplus)
|
การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของประธานาธิบดีอินโดนีเซียและภริยามีความหมายสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นการสานต่อการเยือนอินโดนีเซียของเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงียนฟู้จ่องเมื่อปี 2017 โดยสองฝ่ายจะสรุปผลการขยายความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์และเตรียมลงนามแผนปฏิบัติการในอีก 5 ปีข้างหน้าในการเยือนครั้งนี้เพื่อนำความสัมพันธ์ทวิภาคีเข้าสู่ส่วนลึกในสภาวการณ์ที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกำลังรับทั้งโอกาสและความท้าทาย
ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์พัฒนาอย่างกว้างขวาง
นับตั้งแต่ที่เวียดนามและอินโดนีเซียสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2013 มาจนถึงปัจจุบัน ทั้งสองประเทศได้ลงนามข้อตกลงร่วมมือในหลายด้านกว่า 30 ฉบับ รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนและผลักดันความร่วมมือใน 2 ฟอรั่มที่สำคัญคือ คณะกรรมการร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและคณะกรรมการร่วมมือทวิภาคีโดยหนึ่งในผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในเวลาที่ผ่านมาคือ การเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการของเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงียนฟู้จ่อง เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2017 ซึ่งมีความหมายทางประวัติศาสตร์และเป็นการเยือนเชิงสัญลักษณ์ที่สะท้อนการเข้าสู่ระยะแห่งความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ลึกซึ้งและรอบด้านยิ่งขึ้น รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามกับพรรคประชาธิปไตยอินโดนีเซีย – การต่อสู้
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดและเข้มแข็งในฟอรั่มระหว่างประเทศ เช่นสหประชาชาติ ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด อาเซียนและองค์กรระหว่างประเทศ โดยเฉพาะจากการพบปะแลกเปลี่ยนในระดับต่างๆ ผู้นำ ผู้เชี่ยวชาญและสถานประกอบการ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและจุดยืน พร้อมทั้งเห็นพ้องกันในระดับสูงเกี่ยวกับการผลักดันความสามัคคีของทุกประเทศภายในกลุ่มอาเซียนและส่งเสริมบทบาทเป็นศูนย์กลางของอาเซียนเพื่อแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจและการเมืองระดับภูมิภาคและโลก รวมทั้งปัญหาทะเลตะวันออก
ในหลายปีมานี้ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศได้เพิ่มขึ้นอย่างเข้มแข็ง โดยเมื่อปี 2016 มูลค่าการค้าต่างตอบแทนได้ทำสถิติใหม่ อยู่ที่ 6.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าตัวเลข 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 2006 หลายเท่า ส่วนมูลค่าการค้าต่างตอบแทนในปี 2017 อยู่ที่ 6.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปี 2016 โดยสินค้าหลักที่เวียดนามส่งออกไปยังตลาดอินโดนีเซียมีมือถือและชิ้นส่วน แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์เหล็ก สินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าแปรรูปต่างๆ เป็นต้น อินโดนีเซียเป็นหุ้นส่วนการค้าอาเซียนรายใหญ่อันดับที่ 4 และเป็นนักลงทุนอาเซียนรายใหญ่อันดับที่ 5 ของเวียดนาม โดยมีโครงการลงทุนหลายแห่งประสบความสำเร็จ
การเยือนเพื่อส่งเสริมโอกาสร่วมมือในอนาคต
ในการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายจะแสวงหาและกำหนดแนวทางใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดใหม่ของทั้งสองประเทศ นั่นคือการประสานงานในด้านการเมืองและการทูต ในสภาวการณ์ที่ภูมิภาคมีความซับซ้อนต่างๆ เวียดนามและอินโดนีเซียไม่เพียงแต่มีทัศนะเหมือนกันเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงของภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงจุดยืนในฟอรั่มต่างๆๆอีกด้วย นี่คือโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายร่วมปฏิบัติดังเช่นการประสานงานในกรอบของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
ปี 2018 อินโดนีเซียได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติโดยจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ต้นปี 2019 เวียดนามและอินโดนีเซียได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาทะเลตะวันออกด้วยสันติวิธีบนพื้นฐานนิตินัยและให้ความเคารพกฎหมายสากล รวมทั้งอนุสัญญาสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 นอกจากนี้ เวียดนามสามารถร่วมมือกับอินโดนีเซียในฟอรั่มพหุภาคีอื่นๆที่เวียดนามเข้าร่วม ทั้งนี้และทั้งนั้นได้แสดงให้เห็นว่า การเยือนเวียดนามครั้งนี้ถือเป็นโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายสรุปผลความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในระยะ 5 ปีคือตั้งแต่ปี 2013 ถึงปี 2018 และกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีให้เข้าสู่ส่วนลึกโดยเฉพาะในสภาการณ์ที่ภูมิภาคและโลกมีการเปลี่ยนแปลงต่างๆ.