นายกรัฐมนตรีออสเตรีย เซบาสเตียน คูร์ซ (THX) |
ตามข้อกำหนด ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปหรืออียูจะผลัดเปลี่ยนกันดำรงตำแหน่งประธานสภาอียูเป็นเวลา 6 เดือน โดยทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมของสภาอียู อนุมัติระเบียบวาระการประชุมและอำนวยความสะดวกในการสนทนาทั้งในการประชุมของสภาและหน่วยงานอื่นๆของอียู
ช่วงเวลาที่สำคัญของอียู
ออสเตรียดำรงตำแหน่งประธานอียูต่อจากบัลแกเรียในสภาวการณ์ที่กลุ่มนี้กำลังต้องเผชิญกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ทั้งจากปัญหาภายในกลุ่มและนอกกลุ่ม ความมั่นคงของกลุ่ม วิกฤตหนี้สาธารณะและปัญหาผู้อพยพที่กลุ่มนี้เพิ่งบรรลุข้อตกลงกำลังต้องการความมุ่งมั่นทางการเมืองที่เข้มแข็งเพื่อปฏิบัติ การเจรจาเกี่ยวกับปัญหาอังกฤษถอนตัวออกจากอียูหรือ Brexit ความสัมพันธ์กับสหรัฐและรัสเซีย เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นภาระที่หนักหน่วงสำหรับออสเตรียในฐานะประธานอียู
ตามระเบียบวาระการประชุมที่รัฐบาลออสเตรียประกาศ เนื้อหาที่ออสเตรียให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆในการปฏิบัติหน้าที่ประธานหมุนเวียนอียูวาระ 6 เดือนคือการผลักดันความมั่นคงและนโยบายสำหรับผู้อพยพ ภายใต้คำขวัญ “ยุโรปพิทักษ์รักษา” ทัศนะของออสเตรียคือเรียกร้องให้มีนโยบายผู้อพยพเข้ายุโรปที่เข้มงวดมากขึ้น ผลักดันการปกป้องนอกแนวชายแดนของสหภาพยุโรป รักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชน รับมือกับการอพยพผิดกฎหมาย ออสเตรียยังมีแนวทางผลักดันการเจรจาเกี่ยวกับงบประมาณแผ่นดินในระยะยาวให้แก่สหภาพยุโรปในช่วงปี 2021-2027 และยังมีแนวทางขยายกลุ่มเพื่อรับสมาชิกใหม่
สำหรับ Brexit คือปัญหาที่ต้องแก้ไขเป็นอันดับต้นๆเพื่อการถอนตัวออกจากอียูของอังกฤษในเดือนมีนาคมปี 2019 เป็นไปอย่างราบรื่น และกำหนดความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างอังกฤษกับอียู
ด้านความสัมพันธ์กับรัสเซีย ในฐานะประธานอียู ออสเตรียจะผลักดันความสัมพันธ์ตามแนวทางที่เป็นมิตรกับประเทศมหาอำนาจรัสเซียหลังจากมีคำสั่งคว่ำบาตรเพื่อลดความเสียหายให้แก่สถานประกอบการยุโรป ส่วนสำหรับสหรัฐ ออสเตรียจะหาทางผลักดันการเจรจาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงครามการค้า
วาระการดำรงตำแหน่งที่ไม่ราบรื่น
แม้เป้าหมายที่วางไว้จะเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แต่อุปสรรคและปัญหาภายในกลุ่มอาจทำให้ความมุ่งมั่นนี้ของออสเตรียยากที่จะกลายเป็นความจริง
1คือ ปี 2018 คือปีที่สำคัญของอียู เมื่อหน่วยงานหลายแห่งของกลุ่มนี้กำลังเตรียมปรับปรุงโครงสร้างด้านบุคลากรเนื่องจากจะมีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปในหลายประเทศ ตลอดจนการเลือกตั้งรัฐสภายุโรปในปีหน้า ในสภาวการณ์นี้ รัฐบาลของประเทศต่างๆกำลังเน้นให้ความสำคัญกับการเมืองภายในประเทศมากกว่าในระดับอียู ดังนั้น การระดมพลังที่เข้มแข็งภายในอียูจึงมีข้อจำกัด
2คือ อียูยังคงมีปัญหาที่ยังคั่งค้างอยู่ นั่นคือทัศนะที่แตกต่างกันของประเทศสมาชิก โดยเฉพาะปัญหาผู้อพยพ ถึงแม้ที่ประชุมสุดยอดอียูที่เพิ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวันที่ 29 มิถุนายนได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับปัญหานี้ แต่ความขัดแย้งระหว่างประเทศยุโรปตะวันออกและยุโรปตะวันตกยังคงมีอยู่จนทำให้การปฏิบัติข้อตกลงฉบับนี้มีความเปราะบางมาก
ในเวลาที่ผ่านมา ออสเตรียได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการป้องกันความแตกแยกภายในอียูและแสดงบทบาทเป็นคนกลางในการสนทนาของทุกฝ่าย ในฐานะตำแหน่งใหม่และภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ บวกกับออสเตรียเคยดำรงตำแหน่งประธานสภายุโรป 2 ครั้ง คือเมื่อปี 1998 และปี 2006 นี่คือช่วงเวลาเพื่อให้ออสเตรียพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการผลักดันความสามัคคีภายในอียู แต่ในสภาวการณ์ที่อียูกำลังต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายที่เกี่ยวข้องถึงการที่อังกฤษถอนตัวออกจากอียูหรือ Brexit ปัญหาผู้อพยพ ความขัดแย้งเกี่ยวกับผลประโยชน์ระหว่างประเทศสมาชิกและความมั่นคงภายในกลุ่ม ตลอดจนงบประมาณของอียู วาระ 6 เดือนของการดำรงตำแหน่งประธานอียูถือว่าเป็นความท้าทายและอุปสรรคต่อทางการเวียนนาไม่น้อย.