ร่างรัฐบัญญัติH.R1897เดินสวนกับแนวโน้มการพัฒนาความสัมพันธ์เวียดนาม-สหรัฐ

Huong Giang/VOV
Chia sẻ

(VOVworld)- สภาล่างสหรัฐเพิ่งผ่านความเห็นชอบอันที่เรียกว่า ร่างรัฐบัญญัติสิทธิมนุษยชนเวียดนามปี2013หรือเรียกย่อว่า H.R1897ซึ่งการกระทำที่อาศัยข้อมูลข่าวสารที่ไร้มูลความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนและศาสนาในเวียดนามได้เดินสวนกับแนวโน้มการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีงามระหว่างเวียดนามกับสหรัฐที่ผู้นำและประชาชนทั้งสองประเทศกำลังพยายามปฏิบัติ


(VOVworld)- สภาล่างสหรัฐเพิ่งผ่านความเห็นชอบอันที่เรียกว่า ร่างรัฐบัญญัติสิทธิมนุษยชนเวียดนามปี2013หรือเรียกย่อว่า H.R1897 โดยเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐผนวกเงื่อนไขด้านสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยกับการช่วยเหลือที่ไม่อยู่ในเป้าหมายเพื่อมนุษยธรรมให้แก่เวียดนามเข้าด้วยกัน ซึ่งการกระทำที่อาศัยข้อมูลข่าวสารที่ไร้มูลความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนและศาสนาในเวียดนามได้เดินสวนกับแนวโน้มการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีงามระหว่างเวียดนามกับสหรัฐที่ผู้นำและประชาชนทั้งสองประเทศกำลังพยายามปฏิบัติ

ร่างรัฐบัญญัติH.R1897เดินสวนกับแนวโน้มการพัฒนาความสัมพันธ์เวียดนาม-สหรัฐ - ảnh 1
ผู้นำทั้งสองประเทศต่างยอมรับว่าการเยือนสหรัฐของประธานประเทศเวียดนาม
ได้ส่งผลดีต่อทั้งสองฝ่าย

ร่างรัฐบัญญัติสิทธิมนุษยชนเวียดนาม H.R1897 ที่เสนอโดยสส.พรรคริพับลิกันสองนายคือ เอดรอยซีและกรีสสมิท ได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐระงับการช่วยเหลือที่ไม่เพื่อเป้าหมายมนุษยธรรมให้แก่เวียดนามและเสนอให้เวียดนามต้องมีความก้าวหน้าที่สำคัญและจริงจังในด้านสิทธิมนุษยชน ปล่อยตัวผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายที่พวกเขาเรียกว่านักโทษการเมืองและให้ความเคารพสิทธิเสรีภาพทางศาสนารวมไปถึงการเสนอให้รัฐบาลสหรัฐระบุชื่อเวียดนามในรายชื่อประเทศที่ต้องจับตาด้านปัญหาเสรีภาพทางศาสนา
เมื่อพูดถึงปัญหานี้นักข่าวของวิทยุเวียดนามได้ยืนยันว่า นี่มิใช่รัฐบัญญัติใหม่เมื่อเทียบกับอันที่เรียกว่าร่างรัฐบัญญัติสิทธิมนุษยชนเวียดนามฉบับก่อนๆที่สส.สหรัฐเคยยื่นเสนอต่อที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งนายเหงวียนแทงเซิน ปลัดสำนักงานด้านสิทธิมนุษยชนเวียดนามเผยว่า ประเด็นต่างๆในร่างรัฐบัญญัติสิทธิมนุษยชนเวียดนาม2013ได้ถูกยิบยกขึ้นหารือในการสนทนาด้านสิทธิมนุษยชนเวียดนาม-สหรัฐครั้งที่17 ซึ่งมีขึ้นในเดือนเมษายนปี2013และฝ่ายเวียดนามได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนแล้วในการสนทนาเวียดนามได้ชี้แจงปัญหาต่างๆที่สหรัฐให้ความสนใจทั้งเรื่องเสรีภาพสื่อมวลชน การแสดงความคิดเห็นและการใช้อินเตอร์เนต โดยฝ่ายสหรัฐได้กล่าวถึงเรื่องที่เวียดนามจับกุมตัวพลเมืองบางคนที่เป็นบล๊อคเกอร์หรือผู้ใช้อินเตอร์เนตและพวกเราได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าเวียดนามดำเนินคดีพวกเขาเหล่านั้นเพราะละเมิดฏกฎหมาย อย่างเช่นเหงวียนวันหายหรือตะฟองเติ่นได้ใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นและสื่อมวลชนเพื่อยุยงส่งเสริมให้มีการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐเวียดนามรวมทั้งบิดเบือนแนวทางนโยบายของพรรคและรัฐเวียดนาม
ร่างรัฐบัญญัติสิทธิมนุษยชนเวียดนาม H.R1897 ยังถูกชาวอเมริกันเองคัดค้านตั้งแต่ก่อนที่ถูกยื่นเสนอต่อสภาล่างเนื่องจากข้อมูลขาดภาวะวิสัย โดยสส.เอนี ฟาเลโอมาวากาสมาชิกอนุกรรมาธิการต่างประเทศสภาล่างสหรัฐดูแลภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้กล่าวว่าร่างรัฐบัญญัตินี้ไม่สะท้อนความจริงในเวียดนามและถูกคลอบงำโดยชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนามที่ขาดความหวังดีต่อเวียดนามและแผนกุศโลบายโค่นล้มทางการปกครองและรายงานข่าวที่ผิดพลาดเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในเวียดนามมิใช่การกระทำที่ถูกต้องเพราะถึงเวลาแล้วที่เราต้องปิดฉากอดีตเพื่อเริ่มกระบวนการสมานแผลสงครามระหว่างชาวอเมริกันและชาวเวียดนาม
สภาล่างสหรัฐได้ผ่านความเห็นชอบร่างรัฐบัญญัติสิทธิมนุษยชนเวียดนาม2013หลังการเยือนสหรัฐของประธานประเทศเวียดนามเพียง1สัปดาห์ ซึ่งเป็นการเยือนที่ผู้นำทั้งสองประเทศต่างยอมรับว่าได้ส่งผลดีต่อทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะการกำหนดยกระดับความสัมพันธ์ไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนในทุกด้านบนพื้นฐานหลักการณ์แห่งการให้ความเคารพกฎบัติสหประชาชาติ กฎหมายสากล ระบอบการเมือง เอกราช อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัน ตลอดจนปัญหาสิทธิมนุษยชนก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายได้พูดถึงโดยถือเป็นหนึ่งในความพยายามเพื่อผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่าย รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามฝามบิ่งมิงห์ซึ่งร่วมเดินทางกับประธานประเทศในการเยือนสหรัฐครั้งนี้เผยว่าพวกเราได้หารืออย่างตรงไปตรงมาในส่วนที่ยังมีความเห็นแตกต่างกันและเวียดนามได้ย้ำถึงนโยบายผลักดันและปกป้องสิทธิต่างๆของมนุษย์และติดตามในคณะครั้งนี้ก็มีตัวแทนของศาสนาต่างๆในเวียดนามซึ่งก็เป็นโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายได้หารืออย่างเปิดเผยเพื่อเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ศาสนาในเวียดนาม
ปัญหาสิทธิมนุษยชนยังคงเป็นประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมหารือกันต่อไปแต่จะมิใช่เป็นอุปสรรคกีดขวางความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสองฝ่ายให้ก้าวไปข้างหน้า นี่คือความเห็นของนาย เมอร์เรย์ ไฮเบิร์ต รองหัวหน้าโครงการวิจัยเอเซียตะวันออกเฉียงใต้แห่งศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์และระหว่างประเทศของสหรัฐในการให้สัมภาษณ์นักข่าววิทยุเวียดนามประจำสหรัฐแนวโน้มการพัฒนาความสัมพันธ์เวียดนาม-สหรัฐกำลังสดใสมาก โดยทั้งสองฝ่ายได้เปิดหน้าใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์นี้และจะพยายามบรรลุเป้าหมาย เวียดนามและสหรัฐได้มุ่งพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านและควรมีการกำหนดเนื้อหาที่เป็นรูปธรรมเพื่อปฏิบัติ โอกาสเรามีมากมายแต่ทั้งสองฝ่ายควรมีวิธีการเข้าถึงอย่างเข้มแข็งในเชิงรุกเพื่อให้ความสัมพันธ์นี้มีประสิทธิภาพอย่างจริงจังและผมเชื่อมั่นในอนาคตที่งดงามของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
เป็นอันว่า การผ่านความเห็นชอบร่างรัฐบัญญัติสิทธิมนุษยชนเวียดนาม2013ของสภาล่างสหรัฐได้เดินสวนกับแนวทางการพัฒนาที่ดีงามระหว่างสองประเทศแต่เชื่อว่าการกระทำนี้จะถูกปัดออกจากกระแสการพัฒนาความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งในขณะที่การสนทนาเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนระหว่างสองประเทศก็จะยังคงได้รับการดำเนินต่อไปเพื่อสร้างความเข้าใจกันในปัญหานี้./.

Feedback