นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง (Chinhphu.vn)

การปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ก็เป็นโอกาสให้เวียดนามแนะนำผลสำเร็จของการพัฒนา ความมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหาภาค และแนวทางที่เวียดนามให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ในการพัฒนาประเทศต่อหุ้นส่วนนานาชาติ

นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้งห์ เข้าร่วมการประชุม WEF ต้าเหลียนปี 2024 และปฏิบัติภารกิจในประเทศจีนในระหว่างวันที่ 24 – 27 มิถุนายน ตามคำเชิญของนาย หลีเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน และนาย Klaus Schwab ผู้ก่อตั้งและประธานฝ่ายบริหารของ WEF

สารเกี่ยวกับประเทศเวียดนามที่คล่องตัวและเปลี่ยนแปลงใหม่

นาย ฝ่ามแทงบิ่งห์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เผยว่า ภารกิจนี้ของนายกรัฐมนตรีเวียดนามมีความหมายสำคัญเป็นอย่างมาก การประชุม WEF ต้าเหลียน 2024 เป็นโอกาสให้เวียดนามทำความรู้จักและมีเสียงพูดต่อปัญหาต่างๆ แนวโน้มใหม่ เนื้อหาใหม่และพลังขับเคลื่อนใหม่ต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาและธรรมาภิบาลในระดับประเทศและโลก พร้อมทั้งเป็นโอกาสให้เวียดนามประชาสัมพันธ์ผลสำเร็จเกี่ยวกับการขยายตัวและการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมในเวียดนาม ส่งสารที่เข้มแข็งเกี่ยวกับประเทศเวียดนามที่คล่องตัว เปลี่ยนแปลงใหม่ เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจของเครือบริษัทต่างๆ และเป็นโอกาสให้เวียดนามส่งเสริมการแลกเปลี่ยน กระชับความสัมพันธ์กับประเทศ หุ้นส่วนและองค์การระหว่างประเทศต่างๆ เพื่อมีส่วนร่วมปฏิบัติแนวทางการต่างประเทศที่ได้รับการอนุมัติในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 13 รัฐมนตรีช่วย ฝ่ามแทงบิ่งห์ เผยว่า

“คาดว่า ในการประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้งห์ จะปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ปีนี้ เป็นครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรีเวียดนามจะมีบทปราศรัยพิเศษในพิธีเปิดการประชุมครบองค์ร่วมกับนายกรัฐมนตรีจีนและผู้นำประเทศอื่นๆ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้งห์ จะกล่าวปราศรัยในการประชุมนัดอื่นๆ เป็นประธานในการสนทนาและการเสวนากับชมรมสถานประกอบการที่มีส่วนเกี่ยวข้องถึงเวียดนาม”

จากผลสำเร็จในการขยายตัวและพัฒนาของเวียดนาม รัฐมนตรีช่วย ฝ่ามแทงบิ่งห์ แสดงความเชื่อมั่นว่า การเข้าร่วมของคณะผู้แทนเวียดนามจะมีส่วนร่วมสำคัญต่อผลสำเร็จของการประชุม WEF ต้าเหลียนปี 2024 ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดผ่าน 3 ด้าน

“หนึ่งคือ นายกรัฐมนตรีเวียดนามจะเสนอการประเมินและความคิดเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก ศักยภาพ โอกาสและความท้าทาย “ก้าวพัฒนาที่ยิ่งใหญ่” ของโลกที่กำลังมีขึ้นและผลกระทบต่อการพัฒนาของเศรษฐกิจโลกในระยะสั้นและระยะยาว สองคือ นายกรัฐมนตรีฯ จะหารือและเสนอมาตรการส่งเสริมศักยภาพและจุดแข็งของภูมิภาคเอเชียย – แปซิฟิก รวมทั้งบทบาทของเศรษฐกิจใหญ่ในภูมิภาค เช่น จีน โดยเฉพาะแสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมอย่างมีความรับผิดชอบของเวียดนาม และย้ำถึงบทบาทของภาคเอกชนและความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนในการส่งเสริมการขยายตัว โดยเฉพาะพลังขับเคลื่อนให้แก่การขยายตัวใหม่ สามคือ นายกรัฐมนตรีเวียดนามจะส่งสารเกี่ยวกับผลการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของเวียดนาม วิสัยทัศน์ แนวทางและการกำหนดแนวทางในการพัฒนาและประสบการณ์ในการบริหารเศรษฐกิจมหภาคของพรรคและรัฐเวียดนาม พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีความร่วมมือและการสนับสนุนของ WEF และหุ้นส่วนต่างๆ โดยเฉพาะในอาชีพที่เพิ่งโดดเด่นและได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ อุตสาหกรรมแห่งอนาคตและขยายผลปัญญาประดิษฐ์หรือ AI วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม”

ธำรงการแลกเปลี่ยนเชิงยุทธศาสตร์ระดับสูง ส่งเสริมความไว้วางใจทางการเมืองเวียดนาม – จีน

นอกจากเข้าร่วมการประชุม WEF นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้งห์ จะมีการเจรจาและพบปะทวิภาคีกับผู้นำระดับสูงของจีน รัฐมนตรีช่วย ฝ่ามแทงบิ่งห์ เผยว่า

“ในสภาวการณ์ที่ในเวลาที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องกระชับและยกระดับความสัมพันธ์หุ้นส่วนร่วมมือยุทธศาสตร์ในทุกด้านให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นและเห็นพ้องสร้างสรรค์ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันที่มีความหมายเชิงยุทธศาสตร์เวียดนาม – จีน การที่ทั้งสองฝ่ายธำรงการพบปะระดับสูงมีความหมายสำคัญเป็นอย่างมากต่อการส่งเสริมความไว้วางใจทางการเมือง โดยแปรความเข้าใจร่วมและความตกลงระดับสูงระหว่างสองฝ่ายให้กลายเป็นความจริง ซึ่งมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งต่อความสัมพันธ์ที่กำลังพัฒนาอย่างดีงามระหว่างสองประเทศ”

การเจรจาและการพบปะทวิภาคีครั้งนี้มีขึ้นในสภาวการณ์ที่ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับจีนกำลังพัฒนาอย่างมีเสถียรภาพและประสบผลที่น่ายินดีต่างๆ หลังการเยือนครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างกันของเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงียนฟู้จ่องเมื่อเดือนตุลาคมปี 2022 และเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนและประธานประเทศจีน สีจิ้นผิง เมื่อเดือนธันวาคมปี 2023 พรรคและรัฐของทั้งสองประเทศได้กำหนดสถานะใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์ทวิภาคี สร้างสรรค์ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันเวียดนาม-จีนที่มีความหมายเชิงยุทธศาสตร์” ซึ่งได้รับการขยายผลไปสู่หน่วยงานทุกระดับ โดยใน 4 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการค้าต่างตอบแทนได้เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 25 บรรลุกว่า 5 หมื่น 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และโครงการที่ใช้เงินลงทุนจากประเทศจีนในเวียดนามในปี 2023 ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 77 โดยมีโครงการขนาดใหญ่มากขึ้น