รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนาม เหงียนชี้หยุง (Photo:vneconomy.vn) |
ตามข้อมูลสถิติของกระทรวงวางแผนและการลงทุน ตั้งแต่ปี 1988 มาจนถึงปัจจุบัน มีประเทศและดินแดน 128 แห่งเข้ามาลงทุนในเวียดนาม ยอดเงินทุนจดทะเบียนกว่า 3 แสน 2 หมื่น 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยร้อยละ 58 เน้นลงทุนในด้านอุตสาหกรรมแปรรูป การผลิตและสร้างมูลค่าในการผลิตอุตสาหกรรมร้อยละ 50 เป็นร้อยละ 73 ของยอดมูลค่าการส่งออก สร้างงานทำให้แก่แรงงานโดยตรง 3.6 ล้านคนและแรงงานในภาคส่วนเกี่ยวข้องอีก 5-6 ล้านตำแหน่ง แต่อย่างไรก็ตาม ในห่วงโซ่มูลค่าของผลิตภัณฑ์ที่สร้างได้ การเข้าร่วมของสถานประกอบการภายในประเทศมีไม่มากนัก ซึ่งส่วนใหญ่รับใบสั่งซื้อผลิตสินค้าอันเล็กๆ ทำให้อัตราการผลิตสินค้าภายในประเทศและการถ่ายทอดเทคโนโลยียังอยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ก็เพราะสถานประกอบการเอฟดีไอไม่สามารถเชื่อมโยงกับสถานประกอบการภายในประเทศที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดเทคโนโลยี โดยปัจจุบันนี้ ดัชนีเกี่ยวกับการเกี่ยวข้องถึงความสามารถในการรับรู้ การประยุกต์ใช้และการพัฒนาเทคโนโลยีของสถานประกอบการเวียดนามยังไม่ได้มาตรฐานและมีความสามารถไม่พร้อมในการเชื่อมโยงกับสถานประกอบการเอฟดีไอได้
ผลักดันความเชื่อมโยง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนาม เหงียนชี้หยุงแสดงความคิดเห็นว่า สถานประกอบการต่างชาติต้องเป็นฝ่ายรุกอำนวยความสะดวกให้สถานประกอบการเวียดนามมีโอกาสเข้าร่วมห่วงโซ่มูลค่าอย่างค่อยเป็นค่อยไป “ยังมีช่องว่างระหว่างสถานประกอบการเอฟดีไอกับสถานประกอบการเวียดนาม สิ่งที่สำคัญคือ สถานประกอบการเอฟดีไอต้องสนับสนุน ติดต่อและเชื่อมโยงเพื่อช่วยให้สถานประกอบการภายในประเทศสามารถพัฒนาได้ ควบคู่กันนั้น สถานประกอบการภายในประเทศก็ต้องยกระดับทักษะความสามารถในด้านเทคโนโลยีและการประยุกต์ใช้ ส่วนรัฐบาลควรสนับสนุให้การเชื่อมโยงนี้มีขึ้นอย่างราบรื่น หากการเชื่อมโยงมีขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ เศรษฐกิจเวียดนามจะสามารถพึ่งพาตนเองและพัฒนาอย่างยั่งยืนได้”
นายหวูเตี๊ยนหลก ประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามหรือวีซีซีไอก็เห็นด้วยกับความคิดเห็นดังกล่าวโดยเผยว่า ระยะใหม่ของการดึงดูดเอฟดีไอต้องเชื่อมโยงกับเงื่อนไขการยกระดับทักษะความสามารถในด้านเทคโนโลยี เชื่อโยงกับการเผยแพร่เทคโนโลยี การเชื่อมโยงระหว่างสถานประกอบการ ดังนั้น จำเป็นต้องมีมาตรฐานที่เป็นรูปธรรมเพื่อกำหนดแนวทางของกระแสเงินทุนให้เป็นโครงการที่พร้อมเพรียงกัน ตั้งแต่กลไกการบริหารไปจนถึงการเชื่อมโยงกับสถานประกอบการแต่ละแห่งและผลักดันการเชื่อมโยง นายหวูเตี๊ยนหลกกล่าวว่า “วีซีซีไอและหอการค้าและอุตสาหกรรมต่างประเทศต่างๆจะจัดทำโครงการให้การช่วยเหลือกลุ่มสถานประกอบการที่มีศักยภาพในชมรมสถานประกอบการเวียดนามพัฒนาเป็นกองกำลังที่มีศักยภาพในการเชื่อมโยงกับสถานประกอบการเอฟดีไอ แม้เราไม่สามารถช่วยสถานประกอบการทุกแห่งแต่สามารถเลือกสถานประกอบการที่มีศักยภาพเพื่อยกระดับทักษะความสามารถในการบริหารและเทคโนโลยี”
แก้อุปสรรคเพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยง
นาย Ousmane Dione ผู้อำนวยการแห่งชาติของธนาคารโลกประจำเวียดนามเผยว่า จำเป็นที่ต้องผลักดันความเชื่อมโยงดังกล่าว โดยเวียดนามควรพิจารณาแก้ไขอุปสรรคต่างๆเพื่อมีปฏิบัติการสร้างสรรค์ความเชื่อมโยงที่ยั่งยืนและผสมผสานมากขึ้น โดยเน้นถึงการเชื่อมโยงด้านเทคโนโลยี นาย Ousmane Dione ย้ำว่า “ต้องยกระดับประสิทธิภาพเพื่อสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและมุ่งสู่ระบบเศรษฐกิจเปิดของเวียดนามที่พึ่งพาสถานประกอบการที่หลากหลาย รวมทั้งสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม เวียดนามต้องเข้มแข็งมากขึ้นและต้องอาศัยสิ่งที่ได้สร้างและพัฒนามาแล้วเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและผลผลิต ความเชื่อมโยงระหว่างสถานประกอบการเอฟดีไอกับสถานประกอบการภายในประเทศมีความหมายสำคัญเป็นอย่างมาก ทั้งนี้และทั้งนั้นต้องส่งเสริมการชี้นำเพื่อสามารถสร้างบรรยากาศการประกอบธุรกิจที่ดีขึ้นต่อสถานประกอบการทั้งสองภาค”
ทั้งนี้และทั้งนั้นได้แสดงให้เห็นว่า การพัฒนาอย่างยั่งยืนระหว่างสถานประกอบการสองภาคดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการสร้างสรรค์ตามแนวทางให้สถานประกอบการภายในประเทศเป็นห่วงโซ่จัดสรรค์ตัวอย่างในเวียดนาม ส่วนหน้าที่ของนักลงทุนต่างชาติต่อประเทศที่ได้รับเงินทุนเอฟดีไอคือผลักดันการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพของสถานประกอบการเวียดนาม การเชื่อมโยงนี้จะมีส่วนร่วมต่อกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจในสภาวการณ์ที่เวียดนามกำลังผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างกว้างลึกในปัจจุบัน.