(VOVworld) – ประธานาธิบดีอิหร่าน ฮัสซัน โรฮานี กำลังอยู่ระหว่างการเยือนเวียดนามในระหว่างวันที่ 5 ถึง 6 ตุลาคมตามคำเชิญของประธานประเทศ เจิ่นด่ายกวาง เพื่อผลักดันความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่าง 2 หุ้นส่วนที่มีความสัมพันธ์กันมายาวนานให้มากขึ้นในสถานการณ์ใหม่ รวมทั้งพัฒนาสัมพันธไมตรีและความร่วมมือในหลายด้านให้เข้าสู่ระยะใหม่
ประธานาธิบดีอิหร่าน ฮัสซัน โรฮานี เยือนเวียดนามในระหว่างวันที่ 5 ถึง 6 กันยายนตามคำเชิญของประธานประเทศ เจิ่นด่ายกวาวง
|
ประเทศสาธารณรัฐอิหร่านตั้งอยู่ในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ หลังจากอิหร่านบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์อย่างรอบด้านเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2015 และปฏิบัติข้อตกลงฉบับนี้อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้สหประชาชาติและหลายประเทศตะวันตกยกเลิกคำสั่งคว่ำบาตรซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจของอิหร่านเริ่มฟื้นตัว
เวียดนามและอิหร่านมีสัมพันธไมตรีที่ยาวนานและดีงาม
เวียดนามและอิหร่านสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตตั้งแต่ปี 1973 เมื่อปี 1991 อิหร่านเปิดสถานทูตในกรุงฮานอย และเมื่อปี 1997 เวียดนามก็เปิดสถานทูตในกรุงเตหะราน สัมพันธไมตรีที่ดีงามระหว่างสองประเทศยังได้รับการเสริมสร้างผ่านการจัดตั้งสมาคมมิตรภาพเวียดนาม-อิหร่านเมื่อเดือนกันยายนปี 2009 ทั้งสองประเทศสนับสนุนกันในกรอบขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดและประสานงานในฟอรั่มระหว่างประเทศ
ในเวลาที่ผ่านมา เวียดนามและอิหร่านได้ธำรงการเยือนระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศและกลไกความร่วมมือในทุกระดับ ทั้งสองฝ่ายได้จัดการเยือนระดับสูงระหว่างกันหลายครั้ง โดยล่าสุดคือการเยือนอิหร่านของอดีตประธานประเทศ เจืองเติ๊นซาง เมื่อเดือนมีนาคมปี 2016 และประธานาธิบดีอิหร่าน มาห์มุด อามาดีเนจัด เดินทางมาเยือนเวียดนามเมื่อปี 2012 ทั้งสองประเทศได้จัดการประชุมทาบทามทางการเมือง 6 ครั้ง และการประชุมคณะกรรมการร่วมรัฐบาล 8 ครั้ง ความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างเวียดนามกับอิหร่านได้รับการผลักดันในหลายด้าน เช่นการค้า อุตสาหกรรม การเกษตร วัฒนธรรมและการศึกษา เป็นต้น และยังมีการลงนามเอกสารร่วมมือต่างๆ เช่นการเกษตร สัตว์น้ำ วัฒนธรรม การศึกษา ธนาคาร ศุลกากรและการบิน ซึ่งเป็นพื้นฐานทางนิตินัยเพื่อให้องค์กรและสถานประกอบการของทั้งสองประเทศผลักดันความร่วมมือกัน
การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของประธานาธิบดี ฮัสซัน โรฮานี จะกระชับความสัมพันธ์ร่วมมือกับเวียดนามมากขึ้น
|
โอกาสใหม่เพื่อผลักดันความร่วมมือเวียดนาม-อิหร่าน
ถึงแม้ทั้งสองประเทศจะมีศักยภาพความร่วมมือมากมาย แต่จนถึงขณะนี้ ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนทวิภาคียังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนเมื่อปี 2015 บรรลุ 106.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น โดยมูลค่าการส่งออกของเวียดนามคิดเป็นกว่า 77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนมูลค่าการค้าใน 6 เดือนแรกของปี 2016 บรรลุ 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ตามความเห็นของเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำอิหร่าน เหงียนห่งแถก ถึงแม้ทั้งสองประเทศได้มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือในบางด้าน แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงมีศักยภาพความร่วมมืออีกมาก“เวียดนามสามารถส่งออกสินค้าอีกหลายรายการ เช่นสัตว์น้ำ ผลไม้และรองเท้า โดยเฉพาะรองเท้าซึ่งเวียดนามส่งออกไปยังอิหร่านจำนวนมาก ซึ่งอิหร่านก็นิยมใช้รองเท้าเวียดนามมาก ส่วนอิหร่านอาจผลักดันการส่งออกน้ำมัน ก๊าสธรรมชาติ เคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีไปยังเวียดนาม”
นอกจากร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนแล้ว การท่องเที่ยวก็เป็นด้านความร่วมมือที่มีศักยภาพที่ทั้งสองฝ่ายจะเน้นผลักดันในเวลาที่จะถึง ตามความเห็นของเอกอัครราชทูต เหงียนห่งแถก ชาวอิหร่านรู้จักเวียดนามไม่ใช่ในฐานะสถานที่ท่องเที่ยว แต่รู้จักในฐานะเป็นประเทศที่เคยเกิดสงคราม ดังนั้น สถานทูตเวียดนามกำลังส่งเสริมการสัมมนา เชิญสถานประกอบการด้านการท่องเที่ยวของเวียดนามเดินทางไปยังอิหร่านเพื่อแนะนำการท่องเที่ยวเวียดนาม จัดงานนิทรรศการภาพถ่ายและรายการศิลปะ โดยเฉพาะเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา สถานทูตฯได้เชิญคณะผลิตภาพยนตร์อิหร่านเดินทางมาเวียดนามเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์ภาษาเปอร์เซียเรื่อง “สวรรค์อยู่ไม่ไกล” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเวียดนาม ตามข้อมูลปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวอิหร่านเดินทางไปเยือนประเทศไทยอยู่ที่ 7 แสนคนต่อปี ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวอิหร่านที่เดินทางมาเยือนเวียดนามอยู่ประมาณ 1 พัน- 2 พันคนเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เรายังมีโอกาสดึงดูดนักท่องเที่ยวอิหร่านอีกมาก เอกอัครราชทูต เหงียนห่งแถก ได้เผยว่า“สามารถถือว่า การท่องเที่ยวอาจเป็นก้าวกระโดดในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอิหร่าน ชาวอิหร่านได้เดินทางไปเที่ยวประเทศไทยแล้ว ซึ่งไทยก็อยู่ใกล้เวียดนาม เรามีทัศนียภาพที่สวยงามและมีชายหาดหลายแห่ง ซึ่งถ้าพวกเขาเดินทางมาเยือนเวียดนาม พวกเขาก็มีโอกาสมองเห็นศักยภาพต่างๆของเวียดนาม ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นให้แก่ความสัมพันธ์ในหลายด้าน”
เวียดนามเป็นประเทศแรกที่ประธานาธิบดีอิหร่านเดินทางมาเยือนในกรอบการเยือน 3 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งมาเลเซียและไทย การเยือนมีขึ้นหลังจากอดีตประธานประเทศ เจืองเติ๊นซาง เดินทางไปเยือนอิหร่านเมื่อเดือนมีนาคมปี 2016 ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในด้านการทูตที่ผู้นำทั้งสองประเทศเยือนระหว่างกันภายในหนึ่งปี ในสภาวการณ์ดังกล่าว การเยือนเวียดนามครั้งนี้ของประธานาธิบดี ฮัสซัน โรฮานี จะกระชับความสัมพันธ์ร่วมมือกับเวียดนามมากขึ้น ในกรอบการเยือน ทั้งสองฝ่ายจะหารือเกี่ยวกับมาตรการผลักดันความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและการเกษตร อีกทั้งหารือถึงปัญหาทั้งในระดับภูมิภาคและโลกที่ต่างให้ความสนใจ.