(VOVWorld) – ปัญหาการถือครองกรรมสิทธิที่ดินเป็นหนึ่งในเนื้อหาที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่งจากประชามติในกระบวนการแสดงความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญปี๑๙๙๒ฉบับแก้ไข ข้อกำหนดที่ว่า ปวงชนเป็นผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินสอดคล้องกับเงื่อนไขประวัติศาสตร์ของประเทศพร้อมทั้งอำนวยความสะดวกเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาอย่างยั่งยืนซึ่งประชามติส่วนใหญ่เห็นด้วยกับทัศนะนี้ในการแสดงความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ
|
ตัวเมืองใหม่ก่อตัวขึ้นเพื่อบริการที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชน |
ในเวียดนาม การถือครองกรรมสิทธิที่ดินเป็นปัญหาสำคัญที่เกี่ยวข้องถึงประวัติศาสตร์ ความมั่นคงทางการเมืองและความเป็นระเบียบเรียบร้อยทางสังคม การปฏิบัติการถือครองกรรมสิทธิ์ของปวงชนในเวลาที่ผ่านมาได้ช่วยให้รัฐสามารถใช้ศักยภาพของที่ดินเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจภายใต้เงื่อนไขและระดับการพัฒนาเศรษฐกิจปัจจุบัน การกำหนดว่า ปวงชนเป็นผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินสะท้อนให้เห็นถึงความหมายทางการเมืองและสังคมของความสัมพันธ์ทางด้านที่ดิน ที่ดินเป็นทรัพยากรของทั้งชาติและของปวงชนและผลประโยชน์จากที่ดินก็เพื่อรับใช้สังคม ศาสต์ราจารย์ ดร.Đỗ Thế Tùng อดีตหัวหน้าสถาบันเศรษฐศาสตร์ สถาบันรัฐศาสตร์ และปกครองแห่งชาติโฮจิมินห์กล่าวว่า“ข้อกำหนดที่ว่า ปวงชนเป็นผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน รัฐในฐานะตัวแทนผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ ในนามปวงชนบริหาร สอดคล้องกับกฏวิวัฒนาการและแนวโน้มพัฒนาของการเกษตรที่ทันสมัย รัฐยกเลิกนโยบายเก็บค่าเช่าที่ดินโดยมีการเก็บภาษีเกษตรเพื่อพัฒนาการเกษตรและช่วยเหลือเขตที่ยากจน”
|
อาคารพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อให้ประชาชน |
การถือครองกรรมสิทธิที่ดินของปวงชนก็อำนวยความสะดวกเพื่อให้รัฐปกป้องสิทธิอันชอบธรรมของพลเมืองทุกคน บนพื้นฐานของการถือครองกรรมสิทธิที่ดินของปวงชน รัฐให้ประชาชนมีสิทธิใช้ที่ดินพร้อมทั้งมีระเบียบการคุ้มครองผู้ใช้ที่ดินเมื่อปฏิบัติตามสิทธินี้ รองศาสตราจารย์ ดร.Nguyễn Quang Tuyến อาจารย์มหาวิทยาลัยนิติศาสตร์ฮานอยกล่าวว่า ณ ประเทศที่มีการถือกรรมสิทธิที่ดินของเอกชน รัฐยังคงจำกัดสิทธิของผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ การจำกัดแสดงให้เห็นในกรณีเพื่อผลประโยชน์ด้านการป้องกันประเทศ และความมั่นคง รัฐมีสิทธิซื้อคืนที่ดิน ถ้าผู้ถือกรรมสิทธิไม่ขาย รัฐก็มีสิทธิเวนคืนที่ดินโดยมีการชดเชย“ผมไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่า ควรมีการถือครองกรรมสิทธิที่ดินในหลายรูปแบบ รวมทั้งการถือครองกรรมสิทธิที่ดินของเอกชน เพราะนักวิจัยต่างประเทศจำนวนหนึ่งชื่นชมว่า แนวทางการถือครองกรรมสิทธิที่ดินของปวงชนในเวียดนามดีมากซึ่งแสดงให้เห็นว่า แต่ละรูปแบบการถือครองกรรมสิทธิต่างมีข้อดีและข้อเสีย สิ่งที่สำคัญคือ พวกเราต้องแก้ไขอย่างไร บนพื้นฐานของการถือครองกรรมสิทธิที่ดินของปวงชน พวกเรามอบสิทธิให้แก่ผู้ใช้ที่ดิน ปัจจุบัน ผู้ใช้ที่ดินมีสิทธิ๑๒ ถึง๑๓ประการ เช่น ปรับเปลี่ยนเป้าหมายการใช้ประโยชน์ที่ดิน โอน ให้เช่า จำนอง สมทบทุน และได้รับเงินชดเชย ถ้าเปรียบเทียบกับการถือครองกรรมสิทธิที่ดินของเอกชนแสดงให้เห็นว่า ผู้ใช้ที่ดินในเวียดนามมีสิทธิเหมือนเจ้าของถือครองกรรมสิทธิที่ดินในประเทศต่างๆ ดังนั้นปัญหาในที่นี่มิใช่การปรับเปลี่ยนรูปแบบการถือครองกรรมสิทธิที่ดิน”
|
ตึกสูงๆและอาคารหลายหลายได้รับการก่อสร้างเพื่อบริการคนกรุง |
รองศาสตราจารย์ ดร.Nguyễn Quang Tuyến กล่าวต่อไปว่า อุปสรรคในการบริหารและใช้ที่ดินในปัจจุบันไม่มาจากรูปแบบการถือครองกรรมสิทธิ์แต่คือความเดือดร้อนของประชาชน เช่น การเวนคืนที่ดิน การชดเชยในราคาต่ำ และการคอรัปชั่นในการบริหารที่ดินซึ่งไม่อยู่ในข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญหากอยู่ในกฏหมายอื่นๆ เช่น กฏหมายที่ดิน ส่วนรองศาสตราจารย์ ดร.Nguyễn Minh Đoanรองคณะบดีคณะสาขาการปกครอง มหาวิทยาลัยนิติศาสตร์ฮานอยกล่าวว่า“นี่มิใช่ปัญหาการถือครองกรรมสิทธิ์ พวกเราสร้างสรรค์สังคมนิยมดังนั้นเร็วหรือช้าก็จะต้องมีการถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินของรัฐ ถ้าการถือครองกรรมสิทธิที่ดินเป็นของเอกชน แน่นอนว่า จะไม่มีเสถียรภาพในด้านการเมืองและสังคม ถ้าพวกเรารักษาข้อกำหนดที่ดินโดยประชาชนถือกรรมสิทธิ์ไว้คงเดิม รัฐธรรมนูญควรเน้นการบริหารและใช้ประโยชน์ที่ดินให้มีประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจสูงสุด” ในประวัติศาสตร์ร่างรัฐธรรมนูญของเวียดนามแสดงให้เห็นว่า รัฐธรรมนูญปี๑๙๔๖และปี๑๙๕๙ ซึ่งในตอนนั้น ประเทศเกิดสงคราม การกำหนดระบอบเศรษฐกิจที่อาศัยบนพื้นฐานของการถือครองกรรมสิทธิที่ดินของปวงชนจึงไม่เหมาะสมกับช่วงเวลาดังกล่าว ส่วนรัฐธรรมนูญปี๑๙๘๐ ปี๑๙๙๒ และร่างรัฐธรรมนูญปี๑๙๙๒ ประเทศอยู่ในยามสันติ เอกภาพ ไปสู่สังคมนิยมซึ่งทำให้การยืนยันระบอบเศรษฐกิจที่อาศัยบนพื้นฐานของการถือครองกรรมสิทธิที่ดินของปวงชนสอดคล้องทั้งทฤษฎีและภาคปฏิบัติ อีกทั้งแก้ไขข้อบกพร่องในการบริหารของรัฐด้านที่ดินในปัจจุบัน มีส่วนร่วมสร้างเสถียรภาพและความผสมผสานกลมกลืนด้านสิทธิผลประโยชน์ระหว่างรัฐกับประชาชนในด้านที่ดิน./.