(VOVworld) – อาเซียนต้องสามัคคีและร่วมปฏิบัติเพื่อร่วมพัฒนาอย่างยั่งยืนคือคำยืนยันของ ประธานประเทศเวียดนามเจิ่นด่ายกวางได้กล่าวปราศรัยในฟอรั่ม Singapore Lecture ครั้งที่ 38 ซึ่งเป็นฟอรั่มชั้นนำของสิงคโปร์ ที่จัดโดยสถาบันวิจัยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือไอเอสอีเอเอส โดยมีนักวิชาการ ผู้นำประเทศและนักการเมืองของสิงคโปร์และประเทศต่างๆ 550 คนเข้าร่วม ซึ่งอยู่ในกรอบการเยือนประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์ เมื่อเช้าวันที่ 30 สิงหาคม ต่อไปนี้ ทางสถานีวิทยุเวียดนามขอคัดเสนอสาระสำคัญในบทปราศรัยนี้ของท่านเจิ่นด่ายกวาง
ทุกประเทศต้องสามัคคี ร่วมปฏิบัติและขยายความร่วมมือบนพื้นฐานของกฎหมายสากล ความยุติธรรมและผลประโยชน์ร่วมกัน |
สำหรับสถานการณ์ในภูมิภาค ท่านเจิ่นด่ายกวางได้ประเมินว่า เอเชีย – แปซิฟิก รวมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงเป็นศูนย์กลางที่พัฒนาอย่างคล่องตัวต่อไป มีสถานะทางภูมิศาสตร์เชิงยุทธศาสตร์ เศรษฐกิจและการเมืองที่นับวันสำคัญมากขึ้นบนเวทีโลก ทะเลตะวันออกอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีความสำคัญไม่เพียงแต่ต่อบรรดาประเทศในภูมิภาคเท่านั้น หากยังเป็นเส้นทางคมนาคมในการเดินเรือและการบินที่สำคัญของโลกอีกด้วย ทั้งภูมิภาคกำลังพยายามพัฒนามากขึ้น ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์แห่งความเชื่อมโยงและร่วมมือในด้านการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและการศึกษา เป็นต้น ประธานประเทศเวียดนามเห็นว่า สถานการณ์ในภูมิภาคและในทะเลตะวันออกที่น่ากังวลเมื่อเร็วๆนี้ได้ส่งผลกระทบในทางลบต่อบรรยากาศความมั่นคงของภูมิภาค โดยเฉพาะการเดินเรือและการบินอย่างเสรีและปลอดภัย มีความเป็นไปได้สูงที่จะทำลายความไว้วางใจและส่งผลกระทบต่อกระบวนความร่วมมือในภูมิภาค
สามัคคี ร่วมปฏิบัติเพื่อให้ความปรารถนากลายเป็นความจริง
ในการนี้ ประธานประเทศเจิ่นด่ายกวางได้ย้ำอีกครั้งถึงโอวาทของอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ล่วงลับของสิงคโปร์ ลีกวนยูว่า “คุณไม่สามารถให้คำมั่นเพียงอย่างเดียวหากต้องปฏิบัติคำมั่นนั้นด้วย” ซึ่งประธานประเทศเจิ่นด่ายกวางกล่าวว่า เส้นทางเดียวเพื่อให้ความปรารถนากลายเป็นความจริงคือทุกประเทศต้องสามัคคี ร่วมปฏิบัติและขยายความร่วมมือบนพื้นฐานของกฎหมายสากล ความยุติธรรมและผลประโยชน์ร่วมกัน “นี่คือเป้าหมายของอาเซียน ในหลายปีที่ผ่านมา ด้วยวิสัยทัศน์ที่อยู่เหนือกว่าผลประโยชน์ของแต่ละประเทศ อาเซียนกำลังมีเสียงพูดที่นับวันเข้มแข็งมากขึ้น มีความรับผิดชอบต่อความสนใจร่วมกันของประชาคมระหว่างประเทศและภูมิภาค โดยเฉพาะความร่วมมือเพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืน การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การลดความเสียหายจากภัยธรรมชาติ้และโรคระบาด ถึงขณะนี้ อาเซียนได้ประสบความสำเร็จในการดึงความสนใจและการแทรกแซงเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศใหญ่ๆเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันคือสันติภาพ เสถียรภาพและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของภูมิภาคและโลก โครงสร้างภูมิภาคที่มีหลายขั้วหลายระดับ โดยอาเซียนมีบทบาทเป็นศูนย์กลาง ซึ่งถือว่ามีความสอดคล้องและตอบสนองผลประโยชน์ของทุกฝ่าย”
เพื่อส่งเสริมบทบาทการธำรงสันติภาพ เสถียรภาพ ผลักดันความร่วมมือและสามารถรับมือกับความท้าทายและความลำบากต่างๆให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประธานประเทศเวียดนามย้ำว่า อาเซียนต้องขยายความเชื่อมโยงในด้านการเมือง เน้นผลักดันการสนทนา เสริมสร้างความไว้วางใจต่อกันและมาตรฐานการปฏิบัติต่อกัน ส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและสังคมเพื่อสร้างพลังที่เข้มแข็งให้แก่ประชาคม
ท่านเจิ่นด่ายกวางยังกล่าวว่า ความสามัคคี รวมทั้งความสามัคคีระหว่างประเทศเป็น “เกียรติประวัติอันล้ำค่าและบทเรียนที่ยิ่งใหญ่” ของประชาชาติเวียดนาม ซึ่งยืนยันบทเรียนและประสบการณ์เหล่านี้ได้ส่งผลในทางบวกต่อแนวทาง นโยบายการต่างประเทศและการปฏิบัติของเวียดนาม “ในด้านความสัมพันธ์การต่างประเทศ เวียดนามได้ปฏิบัติแนวทางการต่างประเทศที่เสมอต้นเสมอปลายคือ อิสระ พึ่งพาตนเอง สันติภาพ ความร่วมมือและพัฒนา ความสัมพันธ์ที่หลายรูปแบบหลายฝ่าย เป็นฝ่ายรุกและผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างเข้มแข็ง พร้อมเป็นเพื่อนมิตรและหุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจ เป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบในประชาคมระหว่างประเทศ ดังนั้นเวียดนามเน้นขยายความสัมพันธ์ร่วมมือมิตรภาพที่มีมาช้านานกับบรรดาประเทศเพื่อนบ้าน ผลักดันความสัมพันธ์ร่วมมือกับหุ้นส่วนใหญ่ๆและหุ้นส่วนสำคัญ ยกระดับประสิทธิภาพของการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกและปฏิบัติทุกคำมั่นระหว่างประเทศที่ให้ไว้อย่างสมบูรณ์”
สำหรับปัญหาทะเลตะวันออก ประธานประเทศเจิ่นด่ายกวางได้ยืนยันแนวทางที่เสมอต้นเสมอปลายของเวียดนามคือ ยืนหยัดต่อสู้เพื่อปกป้องเอกราช อธิปไตย เอกภาพและบูรณภาพแห่งดินแดน แก้ไขการพิพาทด้วยสันติวิธีผ่านกระบวนการทางการเมือง ช่องทางการทูตและนิตินัยตามกฎหมายสากล รวมทั้งอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982 เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องปฏิบัติแถลงการณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อกันของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือดีโอซีอย่างจริงจังและมุ่งสู่การจัดทำร่างระเบียบการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือซีโอซีโดยเร็ว
เสริมสร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม – สิงคโปร์ให้ลึกซึ้งมากขึ้น |
เสริมสร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม – สิงคโปร์ให้ลึกซึ้งมากขึ้น
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสิงคโปร์ ประธานประเทศเจิ่นด่ายกวางได้ชื่นชมการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของสิงคโปร์นับตั้งแต่การก่อตั้งประเทศมาจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งถือเป็นบทเรียนอันล้ำค่าให้แก่เวียดนามในกระบวนการสร้างสรรค์และปกป้องประเทศ โดยเฉพาะในปัญหาระดับภูมิภาคและโลก เวียดนามและสิงคโปร์ต่างมีผลประโยชน์พื้นฐานในการสร้างสรรค์อาเซียนให้เข้มแข็งและเป็นหุ้นส่วนที่น่าไว้วางใจ ธำรงระเบียบการแห่งโลกที่สันติภาพ เสถียรภาพ ให้ความเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายสากล “เวียดนามมีความประสงค์ที่จะร่วมมือกับสิงคโปร์ขยายและเสริมสร้างให้ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศในทุกด้านมีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยเน้นในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน กลาโหม ความมั่นคง ความร่วมมือทางทะเลและบนเวทีระดับภูมิภาคและโลก เป้าหมายของความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศคือ สิงคโปร์เจริญรุ่งเรือง เวียดนามพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อมีส่วนร่วมสร้างสรรค์ประชาคมอาเซียนให้เจริญรุ่งเรือง สันติภาพ มั่นคงและพัฒนาในเอเชีย – แปซิฟิก”
ในท้ายบทปราศรัย ท่านเจิ่นด่ายกวางได้แสดงความประสงค์ว่า ผู้นำ นักการเมือง สมาชิกรัฐบาล ศาสตราจารย์และนักวิจัยจะมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับปัญหาภูมิภาคและโลกที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการต่างประเทศของเวียดนามและความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสิงคโปร์เพื่อที่จะมีความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมต่อไปและร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย.