ภาพสุสานทหารพลีชีพแห่งชาติทางหลวงหมายเลข 9 เมื่อค่ำวันที่ 26 กรกฎาคม (nhandan.vn)

แสดงความสำนึกในบุญคุณต่อผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อการปฏิวัติผ่านกิจกรรมที่เป็นรูปธรรม

ในวันที่ 27 กรกฎาคม ที่ตำบล แขวงและอำเภอเมืองต่างๆในจังหวัดเตี่ยนยางและท้องถิ่นต่างๆทั่วประเทศ ได้มีการจัดพิธีจุดธูปและวางพวงมาลา ที่สุสานและวิหารบูชาวีรชนทหารพลีชีพเพื่อชาติ โดยมีเจ้าหน้าที่และประชาชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมากเพื่อรำลึกถึงวีรชนทหารพลีชีพเพื่อชาติที่ได้เสียสละเพื่อเอกราชและเสรีภาพของประชาชาติ นาง เจิ่นถิเหละ อาศัยที่เมืองหมีทอ จังหวัดเตี่ยนยาง ได้เผยว่า

“ประชาชนทุกภาคส่วนในสังคมนับวันให้ความสนใจและรำลึกถึงวีรชนทหารพลีชีพเพื่อชาติ ซึ่งพวกเราต้องจดจำส่วนอุทิศและการเสียสละของวีรชนทหารพลีชีพเพื่อชาติที่นำความอิ่มหนำผาสุกมาให้แก่ประชาชน ดิฉันหวังว่า งานด้านการตอบแทนบุญคุณจะได้รับการส่งเสริมมากขึ้นในอนาคต”

กองเยาวชนสาขาตำรวจจังหวัดกาวบั่งทำความสะอาดสุสานทหารพลีชีพเพื่อชาติ

ที่จังหวัดบั๊กก่าน มีผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองกว่า 33,000  คน โดยมีเกือบ 3,000 คนได้รับเงินอุดหนุน ในโอกาสวันทหารทุพพลภาพและพลีชีพเพื่อชาติปีนี้ สมาชิกกองเยาวชนและเยาวชนหลายพันคนได้ทำความสะอาดและซ่อมแซมอนุสาวรีย์และสุสานทหารพลีชีพเพื่อชาติ ไปเยี่ยมและมอบของขวัญให้แก่ทหารทุพพลภาพ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมีในสงครามและครอบครัวทหารพลีชีพเพื่อชาติ ส่วนที่จังหวัดกาวบั่ง หน่วยงานทุกระดับ คณะและองค์การต่างๆได้ไปเยี่ยมและมอบของขวัญให้แก่ครอบครัวที่อยู่ในเป้านโยบายและผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองในท้องถิ่น นาง หว่างถิหมีหาว ผู้อำนวยการสำนักงานแรงงาน ทหารทุพพลภาพและสังคมจังหวัดกาวบั่งได้เผยว่า จังหวัดกาวบั่งมีผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองกว่า 48,000  คน ซึ่งได้รับประโยชน์จากนโยบายช่วยเหลือต่างๆของรัฐ

“ถึงแม้จะยังคงประสบความยากลำบากต่างๆ แต่ทางจังหวัดฯได้จัดงบ 422,000  ดอลลาร์สหรัฐเพื่อจัดหาของขวัญมอบให้แก่ผู้ที่อยู่ในเป้านโยบายและดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองให้อยู่ในระดับปานกลางในท้องถิ่น”

การให้สิทธิพิเศษต่อผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองคือนโยบายพิเศษของเวียดนาม

การให้สิทธิพิเศษต่อผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อการปฏิวัติคือนโยบายพิเศษของพรรคและรัฐ สะท้อนคติประจำใจของชาติเวียดนามคือ “ดื่มน้ำต้องรำลึกถึงแหล่งที่มาของน้ำ” ปัจจุบัน ทั่วประเทศมีผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองกว่า 9.2 ล้านคน โดยมีกว่า 1.3ล้านคนได้รับเงินอุดหนุนทุกเดือน หน่วยงานแรงงาน ทหารทุพพลภาพและสังคมมอบเงินอุดหนุนปีละครั้งให้แก่ผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง 6,000-8,000 คน ทำการตรวจรักษาโรคและฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายให้แก่ผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองกว่า 580,000 คน และมีการปรับขึ้นเงินอุดหนุนให้แก่ผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองให้สอดคล้องกับการปรับขึ้นเงินเดือนขั้นต่ำ

กองเยาวชนตำบลเงวียนลวาน อำเภอปากนัม จังหวัดบั๊กก่านช่วยเหลือครอบครัวที่อยู่ในเป้านโยบายในการปลูกข้าว

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา รัฐบาลได้ประกาศมติที่ 55เกี่ยวกับการปรับขึ้นเงินอุดหนุนจาก 68 เป็น 87 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือนต่อคน ส่วนในช่วงปี 2012-2022 พรรคและรัฐได้จัดงบ 1 หมื่น 5 พัน 4 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อปฏิบัตินโยบายสำหรับผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง รณรงค์เรี่ยไรเงิน 561 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองในการก่อสร้างบ้านใหม่กว่า 84,000 หลังและซ่อมแซมบ้านกว่า 69,000 หลัง มอบสมุดบัญชีเงินฝากเกือบ 126,000 เล่ม รวมมูลค่า 43 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่ครอบครัวที่อยู่ในเป้านโยบาย ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของคุณแม่วีรชนเกือบ 3,000 คน ซึ่งผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองร้อยละ 99ในทั่วประเทศมีคุณภาพชีวิตในระดับปานกลาง มีตำบลและแขวงร้อยละ99 ปฏิบัตินโยบายสำหรับทหารทุพพลภาพและพลีชีพเพื่อชาติอย่างมีประสิทธิภาพ นาย เหงวียนบ๊าฮวาน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ทหารทุพพลภาพและสังคม ได้เผยว่า

“การระดมพลังทุกแหล่งในสังคมในการดูแลและช่วยเหลือผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองได้รับการปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การส่งเสริมให้องค์การทางสังคมและผู้มีใจกุศลดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง คุณแม่วีรชน สุสานและวิหารบูชาวีรชนทหารพลีชีพเพื่อชาติ โอกาสนี้ ทางการท้องถิ่นทุกระดับได้จัดงบและระดมเงินจากแนวร่วมปิตุภูมิ สมาคมและสถานประกอบการเพื่อดูแลและช่วยเหลือผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง”

ทั้งนี้ การให้สิทธิพิเศษต่อผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อการปฏิวัติคือนโยบายพิเศษของพรรคและรัฐ ซึ่งได้รับการปฏิบัติอย่างกว้างขวางในหลายปีที่ผ่านมา การดูแลชีวิตทั้งด้านวัตถุและจิตใจให้แก่ผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อการปฏิวัติไม่เพียงแต่เป็นการตอบแทนบุญคุณเท่านั้น หากยังมีส่วนร่วมที่สำคัญต่อการค้ำประกันสวัสดิการสังคมและการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนอีกด้วย.