(vtc.vn) |
ปี 2017 สถานการณ์ในโลกและภูมิภาคมีการผันผวนอย่างซับซ้อน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงถึงเวียดนาม แต่ในสภาวการณ์ดังกล่าว ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับหุ้นส่วนที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจได้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ เข้าสู่ส่วนลึกและนำผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่มาให้แก่ประเทศ
นิมิตหมายพิเศษในความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านเวียดนาม-สหรัฐ
ปี 2017 ได้กลายเป็นอีกหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของความสัมพันธ์เวียดนาม-สหรัฐ โดยมีการเยือนระดับสูงระหว่างกัน นั่นคือการเยือนสหรัฐของนายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก เมื่อต้นเดือนมิถุนายนปี 2017 และการเยือนเวียดนามของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2017 ในโอกาสเข้าร่วมการประชุมผู้นำฟอรั่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกหรือเอเปก จาก 2 การเยือนดังกล่าว นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ได้กลายเป็นผู้นำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คนแรกที่เดินทางไปเยือนทำเนียบขาวในสมัยของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ และนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ก็เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกในประวัติศาสตร์ของสหรัฐที่เดินทางมาเยือนเวียดนามในปีแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่ง ดร. เจิ่นเวียดท้าย จากสถาบันการทูตได้แสดงความเห็นว่า “นับตั้งแต่เวียดนาม-สหรัฐปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติ ถ้าหวนมองดูจะเห็นว่า มีประธานาธิบดีสหรัฐ 3 ท่านมาเยือนเวียดนามคือประธานาธิบดี บิล คลินตัน ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช และประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า ถึงแม้ประธานาธิบดี บิล คลินตั้น ซึ่งเป็นผู้ตัดสินใจปรับความสัมพันธ์กับเวียดนามให้เป็นปกติก็เดินทางมาเยือนเวียดนามในช่วงท้ายของวาระการดำรงจำแหน่ง ส่วนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เดินทางมาเยือนเวียดนามตั้งแต่ปีแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสถานะของเวียดนามที่กำลังมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในนโยบายการต่างประเทศและความสัมพันธ์กับสหรัฐ”
การเยือนมีความหมายแห่งสัญลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ เป็นนิมิตหมายใหม่ของความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้าน สะท้อนให้เห็นถึงก้าวเดินที่กว้างไกลในแนวคิดของบรรดาผู้นำสหรัฐต่อเวียดนาม นั่นคือการให้ความเคารพระบอบการเมืองของเวียดนาม
ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านเวียดนาม-จีนพัฒนาอย่างยั่งยืนและโปร่งใส
สำหรับประเทศจีน ปี 2017 สามารถเห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่พัฒนาเข้าสู่ส่วนลึกและยั่งยืนผ่านกิจกรรมการทูตที่คึกคัก โดยเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงียนฟู้จ่องและประธานประเทศ เจิ่นด่ายกวางได้เดินทางไปเยือนประเทศจีน ส่วนการเป็นเจ้าภาพจัดปีเอเปก 2017 ก็ช่วยให้เวียดนามกลายเป็นประเทศแรกที่ได้ต้อนรับเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนและประธานประเทศจีน สีจิ้นผิง ที่มาเยือนเวียดนามหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนสมัยที่ 14
เหตุการณ์นี้ได้ส่งสาส์นที่เข้มแข็ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศเพื่อธำรงความสัมพันธ์ทวิภาคีให้พัฒนายั่งยืนและโปร่งใส ในการเจรจาหลังพิธีต้อนรับท่าน สีจิ้นผิง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงียนฟู้จ่อง ได้ยืนยันว่า “การพัฒนาที่ยั่งยืน ยาวนานและผลงานในความสัมพันธ์ระหว่างสองพรรคและสองรัฐคือปัจจัยที่ขาดไม่ได้สำหรับเสถียรภาพและการพัฒนาของแต่ละประเทศ พรรค รัฐและประชาชนเวียดนามให้ความสำคัญและมีความประสงค์ที่จะร่วมกับพรรค รัฐและประชาชนจีนผลักดันสัมพันธไมตรีที่ยาวนาน ความร่วมมือให้เข้าสู่ส่วนลึก นำความสัมพันธ์หุ้นส่วน ความร่วมมือยุทธศาสตร์ในทุกด้านระหว่างสองพรรคและสองรัฐพัฒนาอย่างยั่งยืนและโปร่งใส”
ยืนยันถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับประเทศเพื่อนบ้าน
สำหรับความสัมพันธ์กับประเทศและหุ้นส่วนต่างๆ ความสัมพันธ์ร่วมมือ มิตรภาพและยาวนานกับประเทศเพื่อนบ้านคือเนื้อหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในแนวทางและนโยบายการต่างประเทศของพรรคและรัฐเวียดนามในปีที่ผ่านมา
สำหรับประเทศลาว ปี 2017 คือปีพิเศษสำหรับความสัมพันธ์เวียดนาม-ลาว สร้างนิมิตหมาย 55 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตและ 40 ปีการลงนามสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือ โดยได้มีการจัดกิจกรรมระดับชาติต่างๆในปีสามัคคีมิตรภาพเวียดนาม-ลาวในทั้งสองประเทศ การที่เลขาธิการใหญ่พรรคประชาชนปฏิวัติลาวและประธานประเทศลาว บุญยัง วอละจิต ประสบความสำเร็จในการเยือนสันถวไมตรีเวียดนามในสภาวการณ์ที่ทั้งสองประเทศจัดปีสามัคคีมิตรภาพ 2017 เป็นนิมิตหมายที่ลึกซึ้งในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์พิเศษเวียดนาม-ลาว
สำหรับประเทศกัมพูชา ความร่วมมือทวิภาคีในปี2017ได้สร้างนิมิตหมายของเส้นทาง 50 ปีแห่งความร่วมมือ การเยือนกัมพูชาของเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงียนฟู้จ่อง เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2017 ได้สร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนเพื่อนำความสัมพันธ์ “ประเทศเพื่อนบ้านที่ดีงาม สัมพันธไมตรีที่ยาวนาน ความร่วมมือในทุกด้าน ยั่งยืน ยาวนาน” กับกัมพูชาพัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่
ปี 2017 เป็นปีที่เต็มไปด้วยกิจกรรมและผลงานด้านการต่างประเทศที่สำคัญ สร้างพื้นฐานที่มั่นคงเพื่อให้เวียดนามผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างมีประสิทธิภาพตามแนวทางการต่างประเทศที่สันติ พึ่งพาตนเอง มีความสัมพันธ์หลายรูปแบบหลายฝ่ายและถือผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก.