ชัยชนะเดียนเบียนฟูเป็นหนึ่งในชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของศตวรรษที่ 20 |
ชัยชนะเดียนเบียนฟูเมื่อ 68 ปีก่อนถือเป็นการเสร็จสิ้นภารกิจการต่อสู้ของประชาชาติเวียดนามในตลอดเกือบ 1 ศตวรรษเพื่อต่อต้านศัตรูผู้รุกรานและยุติแอกปกครองของนักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศส มีส่วนร่วมต่อภารกิจการรวมประเทศเป็นเอกภาพ
ชัยชนะที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของประชาชาติ
ชัยชนะเดียนเบียนฟูเป็นหนึ่งในชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของศตวรรษที่ 20 จนถึงขณะนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวยังคงถูกระบุในเอกสารทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ทำลายความพยายามทางทหารสูงสุดของนักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสและการแทรกแซงของจักรวรรดิสหรัฐอเมริกา กดดันให้รัฐบาลฝรั่งเศสในช่วงนั้นต้องลงนามข้อตกลงเจนีวาเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 1954 ที่รับรองเอกราช อธิปไตย เอกภาพและบูรณภาพแห่งดินแดนของสามประเทศอินโดจีน ยุติแอกปกครองของนักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลาหนึ่งศตวรรษ เปิดระยะใหม่ให้แก่การปฏิวัติของทั้งเวียดนาม ลาวและกัมพูชา ส่วนบนเวทีโลก ชัยชนะเดียนเบียนฟูได้ทำลายนโยบายล่าอาณานิคมของฝรั่งเศส ซึ่งบังคับให้นักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสต้องปรับปรุง ให้ความเคารพสิทธิของประชาชาติต่างๆ ประกาศสิทธิ์การปกครองตนเองและรับรองเอกราชของหลายประเทศในแอฟริกา สำหรับสาเหตุที่นำไปสู่ชัยชนะเดียนเบียนฟู บรรดานักประวัติศาสตร์เห็นว่า ชัยชนะดังกล่าวมาจากยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ที่ชัดเจนและกองทัพที่กล้าหาญและการค้ำประกัน งานด้านพลาธิการ ดอกเตอร์ Ivan Cadeau นักประวัติศาสตร์ชาวฝรั่งเศสและเจ้าของหนังสือเรื่อง “เดียนเบียนฟู 13 มีนาคม -7 พฤษภาคมปี 1954”ได้ให้ข้อสังเกตว่า
“ มีหลายปัจจัยที่สร้างชัยชนะนี้ได้แก่ความชาญฉลาดของรัฐบาลเวียดนามในการใช้และระดมแหล่งพลังต่างๆจากกองทัพและประชาชน ผมอยากย้ำถึงบทบาทของกองกำลังทหารช่างและหน่วยรบปืนใหญ่ที่ใช้แผนการทำลายรันเวย์และตัดเส้นทางขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ขึ้นสู่สมรภูมิเดียนเบียนฟู ของกองทัพฝรั่งเศส เวียดมิงมียุทธศาสตร์ที่คล่องตัวในการเปิดการโจมตีที่ทำให้กองทัพฝรั่งเศสยากที่จะคาดเดาได้ อีกหนึ่งคือกองทัพเวียดนามได้ใช้ยุทโธปกรณ์ที่มีอย่างมีประสิทธิภาพแม้จะมีอาวุธไม่มากนัก อาจกล่าวได้ว่า ชัยชนะเดียนเบียนฟูเป็นศิลปะการทหารของโลก”
ในกรอบการเยือนฝรั่งเศสเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2021 นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งได้พบปะกับประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง |
มุ่งสู่อนาคต
ภายหลัง 68 ปีชัยชนะเดียนเบียนฟู เวียดนามและฝรั่งเศสได้สร้างสรรค์ความสัมพันธ์ที่มั่นคงบนพื้นฐานของความเชื่อมโยงระหว่างสองประชาชาติ โดยฝรั่งเศสได้กลายเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ของเวียดนามนับตั้งแต่ปี 2013 ซึ่งเป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนบนพื้นฐานของการทาบทามความคิดเห็นระหว่างสองประเทศ กิจกรรมความร่วมมือในด้านต่างๆเช่น วัฒนธรรม ความมั่นคง และการใช้ภาษาฝรั่งเศสเพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศ คาดว่า ในปลายปี 2022 นี้ จะมีการเปิดใช้งานรถไฟใต้ดินหมายเลข 3 ในกรุงฮานอยที่ฝรั่งเศสสนับสนุนเงินมูลค่ากว่า 500 ล้านยูโร โครงการร่วมมือในการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 การที่เวียดนามมอบหน้ากากอนามัยให้แก่ฝรั่งเศสเมื่อปี 2020 และฝรั่งเศสมอบวัคซีนจำนวน 2 ล้านโดสให้แก่เวียดนามเมื่อปี 2021 ความร่วมมือในด้านพลังงานหมุนเวียนด้วยวงเงินช่วยเหลือใหม่ของสำนักงานเพื่อการพัฒนาฝรั่งเศสเพื่อขยายโรงไฟฟ้าพลังน้ำหว่าบิ่งห์และการลดปริมาณการปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจกในการผลิตไฟฟ้า
นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังมีกิจกรรมความร่วมมือมิตรภาพในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น ข้อตกลงความร่วมมือด้านอวกาศระหว่างสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเวียดนามกับศูนย์วิจัยอวกาศฝรั่งเศสและบริษัทแอร์บัสที่ได้ลงนามเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2021เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทวิภาคีและความหลากหลายเกี่ยวกับหัวข้อที่ทั้งสองประเทศมีความประสงค์ที่จะร่วมมือกัน ในการให้สัมภาษณ์นักข่าวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับฝรั่งเศส รัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนาม บุ่ยแทงเซินได้เผยว่า
“ผู้นำทั้งสองประเทศได้เห็นพ้องกันว่า ต้องจัดทำแผนการปฏิบัติประจำปีเพื่อปฏิบัติความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ ผมเห็นว่า แผนการปฏิบัติงานนี้จะครอบคลุมทุกด้าน เช่น การเมือง การทูต กลาโหม ความมั่นคง เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน เป็นต้น ผมเชื่อมั่นว่า ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศจะได้รับการยกระดับขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ในเวลาที่จะถึง”
ในปี 2023 เวียดนามและฝรั่งเศสจะรำลึกครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต รำลึกครบรอบ 10 ปีความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ซึ่งผลสำเร็จดังกล่าวได้แสดงให้เห็นว่า ทั้งสองประเทศได้ก้าวข้ามอดีตเพื่อสร้างสรรค์ความสัมพันธ์มิตรภาพที่นับวันมีความสำคัญยิ่งสำหรับทั้งสองประเทศ.