จีนขยายอิทธิพลในทวีปแอฟริกา (Photo sggp.org.vn) |
ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม นายสีจิ้นผิงเริ่มเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆในทวีปแอฟริกา ได้แก่ เซเนกัล รวันดา แอฟริกาใต้และเข้าร่วมการประชุมสุดยอดของกลุ่มประเทศมหาอำนาจที่เพิ่งโดดเด่นหรือ BRIC ประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีนและแอฟริกาใต้ ต่อจากนั้นก่อนเดินทางกลับประเทศเขาจะเยือนสันถวไมตรีประเทศมอริเชียสเป็นประเทศสุดท้าย บรรดาผู้สังเกตุการณ์ได้มองว่า การเยือนครั้งนี้คือการเตรียมความพร้อมให้แก่การประชุมสุดยอดจีน – แอฟริกาที่กำหนดจะมีขึ้น ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนในเดือนกันยายนนี้ ต่อจากการประชุมสุดยอด ณ ประเทศแอฟริกาใต้เมื่อปี 2015
ขยายอิทธิพล
การเยือนประเทศเซเนกัล รวันดา แอฟริกาใต้และมอริเชียสของผู้นำจีนได้รับการประเมินว่าเป็นการสร้างแนวอิทธิพลที่ครอบคลุมทวีปแอฟริกา ซึ่งเป็นทวีปที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในนโยบายการต่างประเทศของจีน และในกระบวนการนี้ จีนจะไม่มองข้ามปัจจัยใดๆที่สามารถช่วยให้จีนขยายอิทธิพลในทวีปนี้ได้ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง การทหาร ยุทธศาสตร์และวัฒนธรรม
อาจกล่าวได้ว่า ในรอบ 10 ปีมานี้ จีนได้กลายเป็นประเทศที่มีอิทธิพลมากที่สุดในทวีปแอฟริกาแทนสหรัฐและบางประเทศยุโรป โดยแซงหน้าสหรัฐเพื่อกลายเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดในแอฟริกา ด้วยยอดมูลค่าการค้าต่างตอบแทนในปี 2017 อยู่ที่ 2 แสน 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
จีนเข้าร่วมการก่อสร้างเขตอุตสาหกรรมประมาณ 100 แห่งในทวีปแอฟริกาโดยร้อยละ 40 ได้เปิดให้บริการ จีนยังสนับสนุนบรรดาประเทศแอฟริกาก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น ทางรถไฟ ทางด่วนและโรงไฟฟ้า เป็นต้น เมื่อปี 2017 จีนได้เพิ่มการลงทุนในแอฟริกาผ่านการให้เงินกู้ด้วยมูลค่ากว่า 1 แสนล้านดอลลาร์
ในความเป็นจริง ผลประโยชน์ของจีนในทวีปแอฟริกาไม่เพียงแต่เป็นผลประโยชน์ด้านการค้าเท่านั้น หากแอฟริกายังเป็นสถานที่จัดสรรวัตถุดิบหลากหลายชนิด เช่น เชื้อเพลิง แร่ธาตุ น้ำมันดิบ แร่เหล็ก โลหะ ไม้ อาหารและสินค้าการเกษตร สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศหรือไอเออีเอพยากรณ์ว่า จีนจะกลายเป็นประเทศที่ใช้น้ำมันมากที่สุดของโลกในปี 2030 โดยนำเข้าน้ำมันดิบจากแอฟริกา 1.4 ล้านบาเรลต่อวัน ซึ่งมากเป็นอันดับ 2 รองจากตะวันออกกลาง
ส่วนโครงการก่อสร้างทางรถไฟของจีนในแอฟริกาถือเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของภูมิภาคนี้ ซึ่งได้ช่วยให้จีนผลักดันการผสมผสานด้านการเมืองอย่างกว้างลึกในทวีปแอฟริกา
ในด้านวัฒนธรรม มีการตั้งสถานบันขงจื้อประมาณ 50 แห่งในทวีปแอฟริกาและนับวันมีนักศึกษาแอฟริกาได้รับทุนการศึกษาจากจีนเพื่อไปเรียนในประเทศจีนมากขึ้น ในขณะเดียวกัน การไปทำงานที่ทวีปแอฟริกาในระยะหนึ่งคือหนึ่งในเงื่อนไขสำหรับผู้บริหารของเครือบริษัทใหญ่ๆของจีน
ในด้านการทูต แอฟริกาช่วยให้จีนมีพันธมิตรกลุ่มใหญ่ในกรอบสหประชาชาติ
วิธีการเข้าถึงที่แตกต่างกับฝ่ายตะวันตก
ความสำเร็จของจีนในทวีปแอฟริกามาจากวิธีการเข้าถึงที่แตกต่างกับฝ่ายตะวันตก ในการลงทุนด้านเศรษฐกิจ จีนมักจะปล่อยกู้อย่างสะดวกโดยไม่ตั้งเงื่อนไขหรือมาตรฐานที่รัดกุม ซึ่งตรงข้ามกับฝ่ายตะวันตกที่ปล่อยกู้พร้อมเงื่อนไขให้บรรดาประเทศแอฟริกาปฏิบัติตาม
ในด้านการเมือง ถึงขณะนี้ ผู้นำหลายประเทศแอฟริกายังถือว่า ทวีปนี้ไม่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆจากทางการของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งในงบประมาณแผ่นดินปี 2019 สหรัฐได้เสนอให้ตัดโครงการด้านสาธารณสุขของสหรัฐในแอฟริการ้อยละ 20 และลด 1 ใน 3 โครงการทางการทูตที่สงวนให้แก่ทวีปนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับบรรดาประเทศในทวีปแอฟริกายังเลวร้ายลงหลังจากที่เมื่อต้นปี 2018 ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวปราศรัยที่มีส่วนในลักษณะเลือกปฏิบัติและเหยียดเชื้อชาติต่อชาวแอฟริกา ซึ่งทำให้หลังจากนั้นนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องเขียนจดหมายที่ยืนยันอีกครั้งเกี่ยวกับค่ำมั่นต่างๆต่อทวีปนี้
ในขณะที่ฝ่ายตะวันตกยังคงมีแนวโน้มเลือกปฏิบัติต่อทวีปแอฟริกา จีนกลับได้เห็นศัยกยภาพที่ยิ่งใหญ่ของทวีปนี้ สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ได้มีการลงทุนใหญ่ในแอฟริกาแต่สื่อจีนยังคงรายงานข่าวที่ย้ำอยู่เสมอถึงหลักการที่ไม่แทรกแซงทางการเมืองและถือหลักการนี้เป็นพื้นฐานด้านการทูตของปักกิ่งต่อทวีปแอฟริกา
ทั้งนี้และทั้งนั้นแสดงให้เห็นว่า จากปฏิบัติการที่ชาญฉลาด อิทธิพลของจีนนับวันได้รับการขยายในแอฟริกาและการเยือนแอฟริกาครั้งนี้ของนายสีจิ้นผิงสะท้อนความเสมอต้นเสมอปลายในนโยบายที่ให้ความสำคัญถึงบทบาททางเศรษฐกิจและการเมืองของแอฟริกา ซึ่งถือเป็นแรงกระตุ้นให้จีนเข้มแข็งมากขึ้นและสามารถขยายอิทธิพลในภูมิภาคนี้ต่อไป.