ความสัมพันธ์รัสเซีย-นาโต้ได้ผ่านความผันผวนอย่างต่อเนื่องในเวลาที่ผ่านมา ถึงแม้สองฝ่ายได้ประกาศจะไม่มีการเผชิญหน้ากันแต่ความระเเวงสงสัยกันก็ไม่เคยหมดสิ้นและความสัมพันธ์นั้นยิ่งเข้าสู่ภาวะตึงเครียดมากขึ้นหลังเหตุการณ์ที่ทางการมอสโคว์ผนวกรวมแหลมไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของตนเมื่อเดือนมีนาคมปี2014 นอกจากนั้นนาโต้ยังกล่าวหารัสเซียว่ามีความเกี่ยวพันธ์กับการปะทะที่เกิดขึ้นในภาคตะวันออกของยูเครน แต่ทางการของประธานาธิบดีปูตินได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเหล่านี้อยู่เสมอ
จุดสุดยอดของความสัมพันธ์ที่เย็นชา
ท่าทีล่าสุดของรัสเซียเกิดจากการที่รัสเซียสังเกตุเห็นว่าเป็นเวลานานแล้วที่นาโต้ไม่มีการเสียสละอำนาจความผูกขาด ไม่มีการประนีประนอมและทำงานโดยไม่สนใจผลประโยชน์ของส่วนรวมหากมุ่งเน้นรักษาผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มเท่านั้น ซึ่งรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย อเล็กซานเดอร์ ครุสห์โก ได้กล่าวว่า นาโต้ปฏิเสธประเด็นความร่วมมือที่เข้มแข็งในความสัมพันธ์กับรัสเซียและการที่นาโต้ยุติความสัมพันธ์ทางทหารกับรัสเซียนั้นเป็นเรื่องไร้เหตุผล โดยความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายขณะนี้กำลังมีปัญหา “ข้อจำกัด”และไม่ค่อยมี “การสนทนา”กัน ส่วนนายยูรี สวีตกิน รองประธานคณะกรรมการกลาโหมแห่งสภาล่างรัสเซียกล่าวว่า ถ้อยแถลงของนาโต้เมื่อเร็วๆนี้ได้สะท้อนให้เห็นว่าพวกเขาไม่อยากรักษาความสัมพันธ์กับรัสเซียหากแต่สร้างการเผชิญหน้าผ่านการเพิ่มจำนวนฐานทัพและการซ้อมรบในบริเวณใกล้ชายแดนรัสเซีย
ล่าสุดนี้ในบทปราศรัยต่อรัฐสภาสหรัฐในโอกาสรำลึก70ปีวันจัดตั้งนาโต้ เลขาธิการองค์การนาโต้ได้ระบุว่ารัสเซียเป็นความท้าทายที่ไม่เคยมีมาก่อนที่นาโต้ต้องรับมือ ซึ่งนาโต้ได้ระงับความร่วมมือกับรัสเซียตั้งแต่ปี2014เนื่องจากวิกฤตที่ยูเครนและยังมีการเสริมกำลังพร้อมจัดการซ้อมรบในภาคตะวันออกยูเครน รวมถึงปัญหาความตึงเครียดที่เกิดจากแผนการรับจอเจียร์และยูเครนเป็นสมาชิกของนาโต้และการขยายระบบป้องกันขีปนาวุธ ทั้งนี้ในสภาวการณ์ที่ความสัมพันธ์ทวิภาคีนั้นกำลังเลวร้ายลง การที่รัสเซียได้ประกาศยุติความร่วมมือทั้งทางทหารและพลเรือนกับนาโต้ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำเพราะไม่มีทางเลือกอื่นใดและนี่คือจุดสูงสุดของความสัมพันธ์ที่เย็นชาระหว่างสองฝ่าย
ไม่มีการแข่งขันอาวุธ
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ประชามติกำลังมีความกังวลมากที่สุดคือการแข่งขันอาวุธครั้งใหม่หลังจากที่รัสเซียและนาโต้ยุติความร่วมมืออย่างสมบูรณ์ แต่ทางฝ่ายรัสเซียก็ได้ออกคำยืนยันเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชามติโลกว่าทางการมอสโคว์ไม่มีความประสงค์เข้าร่วมการแข่งขันอาวุหากจะเน้นมาตรการ “ประหยัด มีเป้าหมายและมีประสิทธิภาพ” มากกว่าถึงแม้ค่าใช้จ่ายด้านการทหารของนาโต้ขณะนี้อยู่ที่ประมาณ1ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งสูงกว่าค่าใช้จ่ายด้านการทหารของรัสเซียถึง22เท่า ส่วนสำหรับความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์ทางการเมือง รัสเซียอาจไม่เพิ่มงบประมาณทางทหารเพื่อเข้าร่วมกระบวนการแข่งขันอาวุธแต่อาจจะเพิ่มการเสริมความสามารถให้แก่ระบบป้องกันในระดับที่เหมาะสม แต่ในทางกลับกัน ฝ่ายนาโต้ก็แสดงความประสงค์ไม่อยากเปิดสงครามเย็นกับรัสเซียและชี้ว่าการติดตั้งระบบขีปนาวุธภาคพื้นดินในยุโรปไม่ได้อยู่ในแผนการของนาโต้ ซึ่งเป็นคำยืนยันของเลขาธิการนาโต้ นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก ทั้งนี้แม้ได้ยืนยันว่าจะไม่มีการแข่งขันอาวุธแต่ความสัมพันธ์ที่ไม่สดใสระหว่างรัสเซียและนาโต้กำลังส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย ปัจจุบันนาโต้ต้องรับมือกับลัทธิก่อการร้ายโดยเฉพาะภัยคุกคามจากองค์การรัฐอิสลามหรือไอเอส การปะทะที่ยังไม่มีท่าทีที่จะยุติในซีเรียและกระแสผู้อพยพในขณะที่รัสเซียมีบทบาทพิเศษในการแก้ไขปัญหาจุดร้อนต่างๆของโลก ดังนั้นเส้นทางเดียวที่ดีที่สุดเพื่อให้รัสเซียและนาโต้ปรับปรุงความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นก็คือทั้งสองฝ่ายจะต้องมีเจตนาที่ดีในความร่วมมือและฟื้นฟูความไว้วางใจระหว่างกัน.