การโจมตีกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในเลบานอนถือเป็นปฏิบัติการที่อันตรายของอิสราเอล

Quang Dung- VOV5
Chia sẻ

(VOVWORLD) -การปะทะระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในประเทศเลบานอนทวีความรุนแรงมากขึ้นโดยในหลายวันที่ผ่านมา กองทัพอิสราเอลถูกกล่าวหาว่า ทำการโจมตีหลายครั้งใส่กองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในประเทศเลบานอน

ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับสหประชาชาติเพิ่มขึ้นโดยเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม กองกำลังชั่วคราวสหประชาชาติในเลบานอนหรือ UNIFIL เผยว่า กองทัพอิสราเอลได้ทำการโจมตีใส่ฐานที่ตั้งของ UNIFIL ในภาคใต้เลบานอน ทำลายหอสังเกตการณ์ 1 แห่ง  อุปกรณ์สื่อสาร ระบบไฟฟ้าส่องสว่างของ UNIFIL และทำให้เจ้าหน้าที่  UNIFIL  บางคนได้รับบาดเจ็บ

ปฏิบัติการที่อันตราย

การที่  UNIFIL ถูกโจมตีได้ยกระดับความอันตรายของการปะทะที่มีความเสี่ยงบานปลายไปยังทั่วประเทศเลบานอน ตามข้อมูลของสหประชาชาติ กองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในภาคใต้เลบานอนได้รับผลกระทบจากการโจมตี 20 ครั้งนับตั้งแต่ที่อิสราเอลปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินเข้าสู่พื้นที่ชายแดนทางตอนใต้ของเลบานอนเมื่อปลายเดือนกันยายน โดยมุ่งเป้าไปยังเป้าหมายต่างๆของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์   ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ของ UNIFIL  5 นายได้รับบาดเจ็บและอิสราเอลได้ทำลายประตูและบุกเข้าไปในฐานที่ตั้งของ UNIFIL   ซึ่งสหประชาชาติกล่าวหาว่า เป็นการกระทำโดยเจตนา

ในการอธิบายเกี่ยวกับปฏิบัติการที่สร้างความตึงเครียดกับสหประชาชาติ นาย เบนจามิน เนทันยาฮู  นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ชี้ว่า คำตำหนิกองทัพอิสราเอลเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพราะกองทัพอิสราเอลได้ประกาศหลายครั้งให้ UNIFIL ถอนกำลังออกจากภาคใต้เลบานอน โดยเฉพาะเขตชายแดนระหว่างเลบานอนกับภาคเหนือของอิสราเอลและที่ราบสูงโกลันเพื่อหลีกเลี่ยงการที่ UNFIL กลายเป็น “โล่มนุษย์” ให้แก่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ แต่อย่างไรก็ดี คำอธิบายดังกล่าวไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาคมโลก ด้วยการออกประกาศประณาม การโจมตีของกองทัพอิสราเอลใส่ UNIFIL ว่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้และต้องยุติทันที

ในการประกาศเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม  15 ประเทศสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ รวมทั้งประเทศพันธมิตรของอิสราเอลได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายค้ำประกันความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และฐานที่มั่นของ UNIFIL  ซึ่งกองกำลังรักษาสันติภาพและฐานที่มั่นของสหประชาชาติต้องไม่ใช่เป้าหมายการโจมตี พร้อมทั้งยืนยันอีกครั้งถึงการสนับสนุนของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติต่อ UNIFIL และความสำคัญของกองกำลังนี้ต่อการรักษาเสถียรภาพของภูมิภาค ส่วนนาย ฌอน-ปีแอร์   ลาโครอิกส์รอง เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติที่ดูแลกองกำลังรักษาสันติภาพยืนยันว่า

“กองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติจะไม่ย้ายหรือออกจากฐานที่มั่น นี่เป็นการตัดสินใจของพวกเราหลังจากที่พิจารณาทุกปัจจัย รวมทั้งความมั่นคงและความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพ ความรับผิดชอบของพวกเราต่อหน้าที่นี้และประชาชน”

 อิสราเอลถูกประเทศและองค์การต่างๆตำหนิ

ในจำนวนประเทศและองค์การระหว่างประเทศที่ประท้วงการโจมตีของกองทัพอิสราเอลใส่ UNIFIL  บรรดาประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปหรืออียูมีท่าทีที่เข้มแข็งที่สุด ในแถลงการณ์ร่วมต่างๆ ผู้นำฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนีและสเปนได้ตำหนิการกระทำดังกล่าวของกองทัพอิสราเอล เพราะเป็นประเทศที่ส่งทหารเข้าร่วม UNIFIL และสนับสนุนการปฏิบัติมติที่ 1701 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ได้ลงนามเมื่อปี 2016 เพื่อรักษาสันติภาพในเขตชายแดนระหว่างอิสราเอลกับเลบานอน ดังนั้น บรรดาผู้สังเกตการณ์เห็นว่า อียูอาจถือการโจมตี UNIFIL เป็นการยั่วยุทางการทูต โดยเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ได้เตือนว่า ฝรั่งเศสจะไม่นิ่งเฉยถ้าหากเกิดการโจมตี UNIFIL อีกครั้ง ส่วนนายกรัฐมนตรีสเปน Pedro Sanchez  เรียกร้องให้อียูยอมรับรัฐปาเลสไตน์และระงับการปฏิบัติข้อตกลงการค้าเสรีกับอิสราเอล

ส่วนในการประกาศเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม นาย โจเซฟ บอร์เรลล์  ตัวแทนระดับสูงดูแลด้านนโยบายการต่างประเทศและความมั่นคงของอียูได้เผยว่า 27 ประเทศสมาชิกอียูได้เห็นพ้องเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการกระทำที่เป็นอันตรายต่อกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ  ส่วนประเทศอื่นๆเรียกร้องให้กองทัพอิสราเอลยุติการโจมตีใส่ UNIFIL ส่วนนาย เรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน  ประธานาธิบดีตุรกีเผยว่า การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่สร้างความอันตรายในสนามรบเท่านั้นหากยังส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอีกด้วยเนื่องจากสหประชาชาติไม่สามารถค้ำประกันความปลอดภัยให้แก่เจ้าหน้าที่ของตนได้  พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาคมโลก โดยเฉพาะประเทศพันธมิตรของอิสราเอลต้องเพิ่มแรงกดดันต่ออิสราเอลทั้งทางการทูตและการทหารเพื่อยุติการทวีความตึงเครียดในเลบานอน

แต่อย่างไรก็ตาม คำเรียกร้องดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะถูกเพิกเฉยเนื่องจากในการประกาศล่าสุด วันที่ 15 ตุลาคม นายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้ยืนยันว่า กองทัพอิสราเอลจะยืนหยัดปฏิบัติยุทธนาการต่อต้านกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในประเทศเลบานอน พร้อมทั้งเตือนให้ UNIFIL ถอนกำลังออกจากเขตที่เกิดการปะ ซึ่งสร้างความวิตกกังวลต่อความเสี่ยงที่กองกำลังนี้อาจถูกโจมตีอีกครั้ง.

Feedback