(VOVworld) – หลังผ่านวันแห่งประวัติศาสตร์ 30 เมษายนปี 1975 ซึ่งเป็นวันยุติสงครามของสหรัฐในเวียดนามมา 20 ปี เวียดนามและสหรัฐได้ปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติและในอีก 20 ปีต่อมา ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐได้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในทุกด้าน โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจและสังคม บนเส้นทางนั้น ความร่วมมือด้านวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และการศึกษาล้วนเดินหน้าและฟันฝ่าอุปสรรคด้านการเมืองเพื่อสร้างไมตรีจิตมิตรภาพระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ
เพื่อสมานบาดแผลสงครามและหยุดความโกรธแค้น วิธีที่ดีที่สุดคือการส่งเสริมความร่วมมือด้านวัฒนธรรม
|
ความร่วมมือด้านวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และการศึกษาระหว่างเวียดนามกับสหรัฐยังคงเป็นเสาหลักของความสัมพันธ์ทวิภาคี เสริมสร้างจิตใจและสติปัญญาให้แก่คนรุ่นใหม่ของทั้งสองประเทศ ซึ่งความร่วมมือนั้นถือเป็นสาสน์แห่งการไกล่เกลี่ย สันติภาพและการพัฒนา
การแข่งขันกีฬาเบสบอล
นายฟิล ร็อกนีเออ ทหารผ่านศึกสหรัฐเผยว่า เพื่อสมานบาดแผลสงครามและหยุดความโกรธแค้น วิธีที่ดีที่สุดคือการส่งเสริมความร่วมมือด้านวัฒนธรรม จากความคิดดังกล่าว ในฐานะเป็นผู้อำนวยการฝ่ายบริหารกองทุน First Swing ซึ่งเป็นองค์การเอ็นจีโอเกี่ยวกับเบสบอลเขาได้นำกีฬาเบสบอล ซึ่งเป็นกีฬายอดนิยมในอเมริกามาเผยแพร่ในเวียดนามและเขามีความประทับใจมากที่คนเวียดนามได้ตอบรับอย่างเต็มที่ ซึ่งได้ช่วยเป็นกำลังใจให้เขาพัฒนากีฬาประเภทนี้ในเวียดนาม ปัจจุบัน กองทุน First Swing ได้สนับสนุนการก่อสร้างสโมสรเบสบอลกว่า 10 สโมสรแล้วและในทุกช่วงปิดเทอมของนักเรียนสหรัฐในฤดูใบไม้ผลิ ทางกองทุนจะส่งสมาชิกของสโมสร Seattle Klouters มาเวียดนามเพื่อเล่นเบสบอลกับนักเรียนในโรงเรียนประถมและโรงเรียนมัธยม โดยเฉพาะการเล่นเบสบอลระหว่างโรงเรียน Vinschool กับสโมสร Siato Claoto เราจะไม่พบถึงความแตกต่างระหว่างนักเรียนที่อยู่ห่างกันถึงครึ่งโลก โคช ฟิล ร็อกนีเออ เผยว่า “พวกเราไม่บริจาคเงินแต่นำกีฬาเบสบอลมาเวียดนามเพื่อช่วยให้เด็กๆของทั้งสองประเทศได้มีโอกาสร่วมกันสนุกสนาน เด็กสหรัฐมาเวียดนามในทุกปีและเด็กเวียดนามไปสหรัฐในช่วงฤดูร้อนเพื่อเข้าร่วมการฝึกอบรมและแข่งขัน โครงการนี้ได้สร้างบรรยากาศให้เด็กๆได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันอย่างสนุกสนานแต่ก็มีการแข่งขันเพื่อสร้างความเข้าใจต่อเด็กๆว่า เราทุกคนเหมือนกันและหวังว่า คนรุ่นใหม่เหล่านี้จะไม่ต้องรับมือกับสงครามหรือการปะทะทางการเมืองอีก”
สำหรับนักเรียนสหรัฐ เหมือนนาย ฟิล ร็อกนีเออเมื่อเดินทางมาถึงเวียดนามเมื่อปี 2009 ต่างก็มีความประทับใจมากต่อการต้อนรับอย่างอบอุ่นของเพื่อนๆชาวเวียดนาม การเยือนสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเวียดนามยังเป็นโอกาสอันล้ำค่าให้เด็กสหรัฐสัมผัสกับทิวทัศน์ที่สวยงามของประเทศเวียดนามที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นแต่ในหนังสือประวัติศาสตร์เท่านั้น นาย Ryan Young อายุ 18 ปี สมาชิกของสโมสร Siato Claoto เผยว่า “เมื่อผมเล่าเรื่องการเยือนเวียดนามของผม เพื่อนๆต่างรู้สึกอิจฉาเพราะนี่คือประสบการณ์ใหม่และน่าสนใจ ก่อนหน้านี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทราบเกี่ยวกับเวียดนามส่วนใหญ่คือเรื่องสงคราม ครูของผมเคยเล่าว่า น้องชายของเขาเคยมาเยือนเวียดนามและเห็นว่าทุกคนต่างมีอัธยาศัยที่ดี เมื่อมาที่นี่ พวกเราก็รู้สึกเช่นเดียวกัน”
ไม่เพียงแต่พานักเรียนสหรัฐมาเวียดนามเท่านั้น แต่กองทุน First Swing ยังพานักเรียนเวียดนามไปยังสหรัฐเพื่อแข่งขันเบสบอลอีกด้วย สำหรับนักเรียนเวียดนาม การเล่นเบสบอลได้ช่วยให้พวกเขามีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับวัฒนธรรมสหรัฐ
นักเรียนสหรัฐเล่นเบสบอลกับนักเรียนเวียดนาม
|
ขยายความร่วมมือด้านการศึกษา
ในหลายปีที่ผ่านมา โครงการพบปะแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม – การศึกษาระหว่างเวียดนามกับสหรัฐได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยจำนวนนักเรียนที่ไปเรียนในมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยต่างๆของสหรัฐนับวันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปี 2014 มีนักเรียนและนักศึกษาเวียดนาม 2 หมื่นคนได้ไปเรียนในสหรัฐและนับวันยิ่งมีโครงการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษาหรือโครงการร่วมมือระหว่างโรงเรียนต่างๆของเวียดนามกับโรงเรียนสหรัฐ รวมทั้งระดับประถม สิ่งที่น่าสนใจคือเมื่อปี 2013 โรงเรียนมัธยมนานาชาติเวียดนามประจำกรุงฮานอยได้พานักเรียนกลุ่มแรกไปสหรัฐในกรอบโครงการแลกเปลี่ยนกับโรงเรียนมัธยม George Washington เมื่อกล่าวถึงความหมายของโครงการแลกเปลี่ยนการศึกษา นายเหงียนวิงเติม ประธานกรรมการโรงเรียนมัธยมนานาชาติเวียดนามเผยว่า “โครงการนี้ได้สร้างพื้นฐานที่ดีให้แก่นักเรียนเวียดนามและนักเรียนสหรัฐเพื่อให้พวกเขามีความเข้าใจ สามัคคีและผูกพันมากขึ้น ตามความคิดเห็นของผม พวกเราควรปิดฉากอดีตและสร้างอนาคตใหม่ให้แก่คนรุ่นใหม่ เมื่อนักเรียนเวียดนามมีความเข้าใจเกี่ยวกับสหรัฐและนักเรียนสหรัฐมีความเข้าใจเกี่ยวกับคนและประเทศเวียดนาม พวกเขาจะเป็นผู้สานต่อสิ่งที่ดีให้แก่คนรุ่นหลังต่อไป”
นางบุ่ยเฟืองลาน นักวิจัยอเมริกาเหนือและอดีตที่ปรึกษาระดับสูงของกองทุนการศึกษาเวียดนามให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าววีโอวี
|
ในการเดินทางมาเยือนเวียดนามเมื่อปี 2000 นายบิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐได้มีความคิดริเริ่มก่อตั้งกองทุนการศึกษาเวียดนามหรือวีอีเอฟ โดยใช้เงินของกองทุนปีละ 5 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อมอบเป็นทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษาเวียดนามไปศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์ในสหรัฐ เช่น สาธารณสุขชุมชนและวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม หลังการปฏิบัติมาเป็นเวลา 15 ปี กองทุนดังกล่าวได้กลายเป็นเครือข่ายที่มีมหาวิทยาลัยสหรัฐกว่า 100 แห่งเข้าร่วม นางบุ่ยเฟืองลาน นักวิจัยอเมริกาเหนือและอดีตที่ปรึกษาระดับสูงของกองทุนการศึกษาเวียดนามเผยว่า การที่นักศึกษาทั้งสองประเทศพบปะกันและแลกเปลี่ยนการศึกษาจะเปิดโอกาสแห่งความร่วมมือใหญ่ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐในอนาคต“ในเวลาที่ผ่านมา การพบปะแลกเปลี่ยน การศึกษาและร่วมทำงานได้ช่วยให้ชาวสหรัฐมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับเวียดนาม ซึ่งจะมีส่วนร่วมช่วยให้พวกเราสร้างความสัมพันธ์ในแนวทางที่โอนอ่อนระหว่างสองประเทศและสร้างความไว้วางใจกันมากขึ้น”
สงครามได้ผ่านพ้นไปเป็นเวลา 40 ปี ปัจจุบันนี้ เวียดนามและสหรัฐได้มีคนรุ่นใหม่ที่ไม่ต้องแบกรับอดีตที่ปวดร้าวต่อไป ดังนั้น ความร่วมมือด้านวัฒนธรรมของคนรุ่นใหม่นับวันยิ่งช่วยให้การปรับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้เป็นปกติมีประสิทธิภาพมากขึ้น./.