ประเทศต่างๆในยุโรปเริ่มเก็บภาษีเครือบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐ |
สำหรับการตัดสินใจดังกล่าว นาย Nadia Calvino รักษาการรัฐมนตรีเศรษฐกิจสเปนได้ยืนยันว่า นี่เป็นมาตรการแก้ไขปัญหาระดับโลกและสเปนต้องมีปฏิบัติการเพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ก่อนหน้านั้น เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีสเปน เปโดร ซานเชซได้เสนอร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเก็บอัตราภาษีเงินได้ร้อยละ 3 ต่อเครือบริษัทไอทีใหญ่ๆ เช่น Google และ Facebook ที่ให้บริการในประเทศสเปนแต่นาย เปโดร ซานเชซ ไม่สามารถผลักดันให้ร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการอนุมัติหลังจากที่รัฐสภาสเปนปฏิเสธร่างงบประมาณปี 2019 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้นาย เปโดร ซานเชซ ต้องประกาศการเลือกตั้งก่อนกำหนด
การเก็บภาษีมิใช่เป็นความบังเอิญ
ฝรั่งเศสและสเปนได้ตัดสินใจเก็บภาษีดิจิทัลต่อบริษัทไอทีที่มีรายได้สูงเพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่มีสำนักงานอยู่ในสหรัฐ เช่น Google Apple Facebook และ Amazon โดยบริษัทเหล่านี้ได้กำไรมหาศาลจากการให้บริการในประเทศฝรั่งเศสและประเทศยุโรปอื่นๆแต่กลับจ่ายภาษีน้อยมากหรือใช้สิทธิพิเศษทางภาษี ตามข้อมูลสถิติของคณะกรรมการยุโรป บริษัทเหล่านี้จ่ายภาษีน้อยกว่าบริษัทอื่นๆของยุโรปร้อยละ 14
หลังจากที่สหภาพยุโรปประสบความล้มเหลวในการจัดตั้ง “แนวร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม วุฒิสภาฝรั่งเศสได้ตัดสินใจเก็บภาษีร้อยละ 3 ต่อบริษัทเทคโนโลยีที่มีรายได้จากการประกอบธุรกิจในทั่วโลกอย่างน้อย 750 ล้านยูโรหรือคิดเป็น 845 ล้านดอลลาร์สหรัฐและ 25 ล้านยูโรจากการประกอบธุรกิจในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งคาดว่า ด้วยอัตราภาษีดังกล่าว จะสร้างรายได้ให้แก่ฝรั่งเศสอย่างน้อย 500 ล้านยูโรต่อปี สิ่งที่น่าสนใจคือ ข้อกำหนดดังกล่าวมีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ส่วนตามร่างกฎหมายที่กำลังรอการอนุมัติจากรัฐบาลชุดใหม่ สเปนมีแผนการเก็บภาษีร้อยละ 3 ต่อบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Google และ Facebook ที่บริการในประเทศสเปน
ควบคู่กับการเก็บภาษีบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ฝรั่งเศสกำลังเร่งรัดให้กลุ่ม 7 ประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกหรือจี 7 แสวงหามาตรการระดับนานาชาติเกี่ยวกับการเก็บภาษีดิจิทัลต่อบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ แต่อย่างไรก็ดี ในการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของกลุ่มจี 7 ที่มีขึ้นในระหว่างวันที่ 17 -18 กรกฎาคม ณ กรุงปารีส ฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถบรรลุความเห็นพ้องกันในเรื่องนี้
ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐกับอียู
แม้ฝรั่งเศสและสเปนจะเป็นประเทศพันธมิตรเก่าแก่และใกล้ชิดของสหรัฐแต่การใช้มาตรการจัดเก็บภาษีต่อเครือบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อาจทำให้เกิดชนวนสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับอียู ความวิตกกังวลดังกล่าวนับวันเพิ่มมากขึ้นเมื่อบางประเทศอียูได้ผลักดันแผนการเก็บภาษี Facebook และ Amazon โดยตามร่างกฎหมายของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เทเรซา เมย์ อังกฤษจะเก็บภาษีร้อยละ 2 ต่อบริษัทเทคโนโลยีที่มีรายได้จากการประกอบธุรกิจในทั่วโลกมากกว่า 500 ล้านปอนด์และมากกว่า 25 ล้านปอนด์จากการประกอบธุรกิจในอังกฤษ ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวกำลังได้รับการพิจารณา โดยคาดว่า อังกฤษจะมีรายได้จากการเก็บภาษีนี้ 1.5 พันล้านปอนด์ภายใน 4 ปี ถ้ากฎหมายมีการบังคับใช้ตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2020 ส่วนออสเตรียและอิตาลีก็มีแผนการในลักษณะเดียวกัน ส่วนประเทศเล็กในสหภาพยุโรปอย่างเช่นไอร์แลนด์และลักเซมเบิร์กกำลังรอความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ในอียู
หลังจากที่ประเทศต่างๆมีปฏิบัติการดังกล่าว ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ได้เปิดการสืบสวนแผนการของฝรั่งเศสตามข้อกำหนดของรัฐบัญญัติด้านการค้าฉบับปี 1974 สิ่งที่น่าสนใจคือ การปฏิบัติรัฐบัญญัติฉบับนี้ได้ทำให้เกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนเพราะประธานาธิบดีสามารถมาตรการทางภาษีเพื่อตอบโต้กิจกรรมการค้าของประเทศอื่นที่ส่งผลกระทบต่อบริษัทสหรัฐ บรรดานักวิเคราะห์ได้ให้ข้อสังเกตว่า สหรัฐอาจใช้มาตรการนี้ต่อประเทศยุโรปที่อยากเก็บภาษีดิจิทัลต่อเครือบริษัทไอทีของสหรัฐ เพราะในบัญชีรายชื่อเก็บภาษีส่งออกมีประเทศพันธมิตรและหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ของสหรัฐรวมอยู่ด้วย ดังนั้น การที่หลายประเทศยุโรปผลักดันมาตรการเก็บภาษีต่อเครือบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่างๆเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า ได้เกิดความตึงเครียดทางการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐกับยุโรป.