( VOVworld )-เขตที่ราบแม่น้ำโขงของเวียดนามเป็นอู่ข้าวใหญ่ของประเทศ มีทุ่งนาสุดลูกหูลูกตา แม่น้ำลำคลองไหลลัดเลาะตามสวนนกและเกาะเล็กๆที่ปลูกไม้ผลและดอกไม้ตลอดจนมีตลาดน้ำหลายแห่งบนแม่น้ำเตี่ยนและโห่ว ความสวยงามดังกล่าวของเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงได้ดึงดูดใจช่างภาพและบรรดาผู้ที่หลงไหลศิลปะการถ่ายรูปมาเก็บภาพ
ภาพตลาดน้ำเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง
เมื่อเร็วๆนี้ งานมหกรรมภาพศิลปะเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงครั้งที่ ๓๐ ประจำปี ๒๐๑๕ได้จัดขึ้น ณ เมืองเกิ่น เทอ ภาคใต้ประเทศเวียดนาม นับเป็นงานสำหรับวงการช่างภาพและตากล้อมมือใหม่เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงที่จัดขึ้นทุกปี งานมหกรรมภาพศิลปะเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงครั้งแรกถูกจัดขึ้น ณ เมืองเกิ่น เทอเมื่อก่อนนี้ ๓๐ ปีตามความคิดริเริ่มของกวีบ๋าว ดิ่นห์ ซางและช่างภาพเลิม เติ้น ต่าย ซึ่งขณะนั้น ช่างภาพของเขตมีหลายสิบคนเท่านั้น ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบันจำนวนช่างภาพมืออาชีพที่เป็นสมาชิกและตากล้องสมัครเล่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนภาพที่ส่งเข้าร่วมงานก็เพิ่มจากหลายร้อยชิ้นถึงหลายพันชิ้น ในงานมหกรรมครั้งนี้มีผู้ที่เคยเข้าร่วมงานมหกรรมครั้งแรกได้แสดงความชื่นชมต่อการพัฒนาอย่างรวดเร็วของขบวนการถ่ายภาพในเขตนี้ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพตลอดจนการพัฒนาศิลปะการถ่ายภาพในชุมชน ช่างภาพระดับโลก วัน หงอก หญ่วน อดีตนายกสมาคมวรรณกรรมและศิลปะจังหวัดซอกจังเล่าว่า “ ภาพชุดงานมหกรรมภาพศิลปะเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงครั้งแรกยังเก็บรูปของแต่ละคนและบรรยากาศ สมัยนั้นมีแต่ภาพขาวดำ งานถูกจัดขึ้น ณ หอวัฒนธรรมเกิ่น เทอ และฉากติดภาพนั้นก็ทำเรียบง่าย เมื่อดูรูปภาพสมัยนั้นรู้สึกบอกไม่ถูก งานมหกรรมภาพศิลปะเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงจัดมาเป็นครั้งที่ ๓๐ ถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของศิลปะการภ่ายภาพเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง ”
จากงานมหกรรมภาพศิลปะเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง สมาคมช่างภาพเวียดนามได้ขยายผลไปยัง ๘ เขตให้เป็นงานมหกรรมประจำปี ซึ่งเป็นโอกาสให้ช่างภาพและผู้ที่รักการถ่ายภาพศิลปะพบปะสังสรรค์ เรียนรู้ประสบการณ์ เผยแพร่แนวโน้มและเทคนิกใหม่ของการถ่ายภาพเพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ทั้งนี้ได้รับความสนใจเข้าร่วมจากตากล้องเป็นจำนวนมากเพื่อค้นหาความงามทางศิลปะและผสมผสานเข้ากับโลก ในงานมหกรรมภาพศิลปะเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงครั้งนี้ สมาคมช่างภาพจังหวัดหวิง ลองได้เสนอข้อคิดริเร่มการให้คะแนนทางออนไลน์เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและเผยแพร่ภาพที่ส่งเข้าร่วมประกวดทางเว็บไซต์สู่สายตาสาธารณชนเพื่อรับคำวิพากวิจารณ์ ช่างภาพเล ซวน ทัง อุปนายกสมาพันธ์ช่างภาพเวียดนามกล่าวปราศรัยในงานโดยยืนยันว่า “ ผ่านมา ๓๐ ปี จำนวนเจ้าของผลงานเพิ่มมากขึ้นเป็นร้อยเท่า โดยเฉพาะในด้านคุณภาพ ส่วนในด้านเทคนิกนั้น วงการช่างภาพเวียดนามได้ชื่นชมว่า บรรดาช่างภาพเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงมีเทคนิกดีเยี่ยมเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ พวกเขาหลงไหลกับการถ่ายภาพไม่แพ้เขตอื่นๆ โดยภาพรวม งานมหกรรมภาพศิลปะเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงได้สร้างแรงกระตุ้นให้แก่การพัฒนาศิลปะการถ่ายรูปของเขตและทิ้งไว้สิ่งที่ดีงามที่หากไม่มีศิลปะการถ่ายรูปแล้ว พวกเราไม่สามารถจำได้ คุณค่าของการถ่ายภาพมีลักษณะแห่งเสี้ยววินาที ”
ภาพรับพ่อของเล ฟอง หวู ได้รับเหรียญทอง
สิ่งที่ถือว่า เป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของงานมหกรรมภาพศิลปะเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงคือ สามารถดึงดูดตากล้อมมือใหม่เข้าร่วม บ้างมากับศิลปะการถ่ายรูปเสมือนการค้นหาและการเล่นตามสมาธิแล้วกลายเป็นความหลงไหและเข้าร่วม ดังนั้นมีผลงานของช่างภาพใหม่ๆส่งเข้ามา ผลงานเหล่านี้เป็นศิลปะสายลมใหม่แห่งความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดใหม่เพื่อพัฒนาศิลปะการถ่ายภาพให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ในงานมหกรรมครั้งนี้ ผลงาน “ รับพ่อ ” ของนายเล ฟอง หวู ในจังหวัดเตี่ยน ซางได้รับรางวัลเหรียญทอง ผลงานกล่าวถึงความงามในชีวิตที่สันติสุขในชนบทที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ ภาพถ่ายไม่เน้นสีสันแต่เน้นบริบท เนื้อหาและจิตใจความรู้สึกของตัวละคร นายเล ฟอง หวูเข้าร่วมการถ่ายภาพศิลปะมา ๔ ปีเท่านั้น เขาบอกว่า เขาเรียนรู้และประสบความก้าวหน้าผ่านงานมหกรรมและได้รับความช่วยเหลือจากศิลปิรุ่นก่อนๆ นายเล ฟอง หวู กล่าวว่า “ ผมชอบศิลปะแขนงนี้ แต่เมื่อเพิ่งเข้าร่วมใหม่ๆรู้สึกยากมาก อย่งไรก็ดี จากความช่วยเหลือของพี่ๆรุ่นก่อนทำให้ยิ่งยากผมยิ่งชอบ ผมรู้สึกยินดีที่เข้าร่วมงานแม้จะได้รับรางวัลหรือไม่ก็ตามเพราะมาที่นี่ผมเรียนรู้ได้หลายอย่างจากช่างภาพที่มีชื่อเสียง ”
ศิลปะการถ่ายภาพของเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงได้พัฒนาอย่างรวดเร็วใน ๓๐ ปีที่ผ่านมา ผ่านงานมหกรรมภาพศิลปะเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงครั้งที่ ๓๐ นี้แสดงให้เห็นว่า เขตที่ราบลุ่มน้ำโขงยังคงนำหน้าประเทศในด้านศิลปะการถ่ายภาพ อันเป็นการมีส่วนร่วมต่อการเผยแพร่ภาพลักษณ์ประเทศ คนและภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ในเวียดนามให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในประเทศและต่างประเทศ .