( VOVworld ) - การเขียนภาพบนผ้าแพรเป็นศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบางประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกอาทิเช่น จีน ญี่ปุ่นและเวียดนาม แต่จิตรกรเวียดนามได้พัฒนาศิลปะแขนงนี้ให้มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการใช้เทคนิกต่างๆและความละเอียดในการระบายสี
|
ภาพเขียนสเาวยเวียดนาม |
พิพิทธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เวียดนามยังคงเก็บรักษาภาพเขียนบนผ้าแพรเกี่ยวกับบุคคลผู้มีชื่อเสียงหลายท่านของประเทศอาทิเช่น ภาพเขียนครึ่งตัวท่านเหงวียนจ๊ายนักวัฒนธรรมผู้มีชื่อเสียงของเวียดนามและภาพบูชาฟุ่งคักฮวานราวศตวรรษที่ ๑๕ รวมทั้งภาพครึ่งตัวของตระกูลฟานฮุยก่อนหน้านี้หลายศตวรรษ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ภาพเขียนบนผ้าแพรได้ปรากฎในเวียดนามมาหลายศตวรรษและมีส่วนร่วมในศิลปะพื้นเมือง ศิลปะการเขียนภาพโบราณเหล่านี้ยังเป็นการเขียนภาพแบบง่ายๆและส่วนใหญ่เขียนภาพครึ่งตัวเท่านั้น การเขียนภาพบนผ้าแพรพัฒนารุ่งเรืองในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ ๓๐ ของศตวรรษที่ ๒๐ โดยจิตรกรเวียดนามบางท่านที่เรียนจบวิทยาลัยจิตรศิลป์อินโดจีนซึ่งได้รับอิทธิพลจากศิลปะของประเทศตะวันตกได้รู้จักผสมผสานศิลปะตะวันออกกับตะวันตกจนพัฒนาเป็นศิปละการเขียนภาพบนผ้าแพรที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษของเวียดนาม ซึ่งโดดเด่นคือ จิตรกรเหงวียฟานแจ๊งช่วงปี ๑๘๙๒ – ๑๙๘๔ ที่รู้จักในผลงาน ซาวข้าว การเล่นหมากเก็บ ดูดวงและทรงเจ้า โดยเฉพาะภาพเขียนเกี่ยวกับสาวเวียดนามและความสวยงามของชนบทได้รับความชื่นชมในงานนิทรรศการต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทจิตรกรเหงวียนฟานแจ๊งได้รับการยกย่องให้เป็นผู้คิดค้นเทคนิกการล้างแพรที่สร้างความเป็นเอกลักษณ์ของยุคสมัยให้แก่ภาพเขียนบนผ้าแพรของเวียดนาม นั่นคือสไตล์ใช้สีจากอ่อนถึงเข้มโดยการเพ้นท์สีทับกันหลายครั้งจนสร้างความสวยงามของแพรที่ไม่มีใครเหมือน โดยเฉพาะภาพเขียนบนผ้าแพรที่เพ้นท์สีอย่างประณีตทำให้ภาพที่ออกมาดูเหมือนอยู่ในฝัน ซึ่งเทคนิกนี้เหมาะแก่การระบายสีตัวบุคคลและทิวทัศน์ของหมู่บ้านชนบทที่มีความเป็นวรรณศิลป์และการถ่ายทอกความรู้สึกนึกคิด ซึ่งเทคนิกนี้ได้รับการสืบทอดและพัฒนาจากจิรตกรรุ่นแล้วรุ่นเล่า จิตรกรเหงวียนถุที่มีชื่อเสียงในวงการจิตรกรรมผ้าแพรเผยว่า “ ภาพเขียนบนผ้าแพรและภาพแลกเกอร์ของเวียดนามได้พัฒนาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษที่ ๕๐ ของศตวรรษที่ ๒๐ โดยปี ๑๙๕๗ ภาพเขียนบนผ้าแพรของเวียดนามได้ถูกส่งเข้าร่วมงานนิทรรศการต่างๆในประเทศยุโรปตะวันออก ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าชม ต่อมาชาวต่างชาติหลายคนได้มาเวียดนามเพื่อหาซื้อภาพเขียนบนผ้าแพรเนื่องจากมีลักษณะโดดเด่นคือเบา มีความเป็นวรรณศิลป์และเทคนิกการใช้น้ำ โดยจิรตรกรได้เขียนภาพบนผ้าไหมเพื่อระบายความรู้สึก ”
|
หมู่บ้านชนบทเวียดนาม |
ภาพเขียนบนผ้าแพรของเวียดนามแฝงจิตใจแห่งความสวยงามของคนและประเทศรวมทั้งความวิจิตรของชาติด้วย ทั้งนี้และทั้งนั้นได้ทำให้ผู้ที่ได้ชมมีความรู้สึกที่ลึกซึ้ง จิตรกรดึ๊กหว่างที่เขียนภาพบนผ้าแพรได้กล่าวว่า “ สิ่งที่แตกต่างระหว่างภาพเขียนบนผ้าแพรของเวียดนามเมื่อเทียบกับของต่างประเทศอยู่ตรงที่เทคนิกการล้างและเพ้นท์สีบนผ้าแพรให้สีดูดซึมเข้าไปในผ้าให้ดูใสสดโดยไม่มีร่องรอยของสีบทผิวผ้า ภาพเขียนบนผ้าแพรของเวียดนามแตกต่างกับของจีนนอกจากเทคนิกการล้างผ้าแล้ว จิตรกรเวียดนามได้เรียนและรับอิทธิพลของตะวันตกเกี่ยวกับสรีระศาสตร์ที่ได้ใช้ในการเขียนภาพ โดยเฉพาะภาพเขียนส่วนใหญ่เน้นเกี่ยวกับชีวิตของคน ”
|
จิตรกรเหงวียนฟานแจ๊งกับภาพเล่นหมากเก็บ |
ศิลปะการเขียนภาพบนผ้าแพรของเวียดนามได้รับการพัฒนามาเรื่อยๆซึ่งสะท้อนจากงานนิทรรศการระดับชาติเมื่อปี ๒๐๐๗ และงานนิทรรศการโดยจิตรกรกลุ่มหนึ่งหรือตัวบุคคลจัดขึ้นเมื่อปี ๒๐๐๖ ๒๐๐๙ และ๒๐๑๑ ซึ่งหัวข้อไม่เพียงแต่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันและภาพครึ่งตัวเท่านั้น หากยังครอบคลุมไปถึงประวัติศาสตร์ การต่อสู้ การทำงาน การผลิต ภาพวัตถุนิ่ง ทิวทัศน์ที่สวยงามของประเทศและคนเวียดนาม นอกจากภาพแพรแบบดั้งเดิมแล้ว จิตรกรหลายท่านกล้านำวัตถุอื่นๆเข้าไปใช้ในผลงานของตนเอง อาทิ การติดเปลวทอง เปลวเงิน ทั้งนี้และทั้งนั้นแสดงให้เห็นว่า ศิลปะการเขียนภาพบนผ้าแพรของเวียดนามได้รับการอนุรักษ์และสืบทอดพัฒนามาตราบเท่าทุกวันนี้ ./.
|
หวีผม |
|
เล่นหมากเก็บ |
|
การจักสาน |