ภาพถ่ายเกี่ยวกับกลองมโหระทึกดงเซิน มังกรสมัยราชวงศ์หลีและเจิ่น ลวดลายไม้แกะสลักบนชายคาวิหารและวัดเวียดนามได้ดึงดูดความสนใจของนาง เคอรี่ เหงวียนลอง ซึ่งเป็น ทีมงานของนิตยสาร Arts of Asia ซึ่งความน่าสนใจของศิลปะเวียดนามเป็นแรงผลักดันให้เธอทุ่มเทศึกษาศิลปะเวียดนาม นาง เคอรี่ เหงวียนลอง เผยว่า
“สามีของดิฉันเป็นชาวเวียดนาม ตอนเพิ่งแต่งงาน ดิฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเวียดนามเลย ดังนั้น ดิฉันจึงอยากศึกษาเกี่ยวกับเวียดนาม แต่ในเขตที่ดิฉันอาศัยอยู่ไม่มีหนังสือเกี่ยวกับเวียดนามที่ตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ หลังจากนั้น ดิฉันได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มแรกเกี่ยวกับวัฒนธรรมดงเซินและเครื่องเซรามิกเป็นภาษาอังกฤษ ดิฉันจึงตัดสินใจศึกษาเรื่องราวต่าง ๆเกี่ยวกับเวียดนาม”
นาง เคอรี่ เหงวียนลอง เกิดเมื่อปี 1944 เธอไม่เคยคิดว่า ในชีวิตนี้จะเขียนหนังสือเกี่ยวกับวัฒนธรรมเวียดนาม แต่เนื่องจากเธอมีโอกาสศึกษาเกี่ยวกับศิลปะเวียดนามในตอนที่ครอบครัวของเธอย้ายมาอาศัยที่ประเทศฟิลิปปินส์เป็นเวลา 20 ปี ในตอนนั้น นาง เคอรี่ เหงวียนลอง พร้อมสามีได้เดินทางไปมาระหว่างเวียดนามกับฟิลิปปินส์เพื่อเยี่ยมญาติ ไปเยือนวัด วิหารและโบสถ์เวียดนามเพื่อทำการวิจัยและศึกษา นี่เป็นช่วงเวลาที่เธอได้ทำการรวบรวม วิเคราะห์และแนะนำศิลปะเวียดนามในฟอรั่มต่างๆในฐานะทีมงานของนิตยสาร Arts of Asia ซึ่งเป็นนิตยสารระหว่างประเทศที่ได้รับการพิมพ์จำหน่ายในฮ่องกง
“ในช่วงต้นทศวรรษ 90 ดิฉันได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับศิลปะเวียดนามในด้านต่างๆ เช่น เครื่องเงิน เครื่องเซรามิก เป็นต้น ดิฉันได้เขียนบทความเกี่ยวกับวัฒนธรรมและศิลปะเวียดนามกว่า 30 บทลงบนหนังสือพิมพ์และร่วมกับดอกเตอร์ บุ่ยมิงชี้ เขียนหนังสือเกี่ยวกับเครื่องเซรามิกฮวาลามเวียดนาม สามีของดิฉันช่วยแปลจากภาษาเวียดนามเป็นภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ ดิฉันยังร่วมกับบรรดานักวิจัยของเวียดนามเขียนบทความให้กับนิตยสาร Arts of Asia การที่ทำงานกับนิตยสารนี้ตั้งแต่ปี 2000 มาจนถึงปัจจุบันได้ช่วยให้แก่ดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและศิลปะเวียดนามและแต่งหนังสือ “Arts of Việt Nam 1009-1945””
หนังสือ “Arts of Việt Nam 1009-1945”ถูกตีพิมพ์เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2013 และพิมพ์จำหน่ายครั้งที่ 2 ในปี 2023และเปลี่ยนชื่อเป็น “Vietnam Visual Arts in History Religion & Culture ” โดยเพิ่มเติมผลการวิจัยเกี่ยวกับศิลปะเวียดนามในช่วงปี 2013 -2023 นาย เหงวียนกิงหลอง สามีของนางเคอรี่ เหงวียนลอง ได้มีส่วนร่วมไม่น้อยต่อการแปลภาษา ค้นหาเอกสารและถ่ายภาพต่างๆที่ลงในหนังสือเล่มนี้ นางเคอรี่ เหงวียนลอง เผยว่า
“สำหรับดิฉัน ศิลปะเวียดนามและวัฒนธรรมเวียดนามมีชีวิตชีวาและน่าสนใจมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นเอกลักษณ์วัฒนธรรมเวียดนาม อาจกล่าวได้ว่า ศิลปะเวียดนามได้พัฒนาอย่างหลากหลาย และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ใช่ pale reflection จากศิลปะจีนเหมือนที่บรรดานักวิจัยเคยให้ข้อสังเกตเมื่อต้นศตวรรษที่ 20”
จากการที่มีภาพถ่ายกว่า 300 ภาพ หนังสือ “Vietnam Visual Arts in History Religion & Culture ” ” ได้แนะนำความดีเลิศของวัฒนธรรมชนชาติกิง โดยมี 13 บทที่แนะนำเกี่ยวกับระยะแห่งประวัติศาสตร์ผ่านมุมมองศิลปะ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ส่วน 3 บทสุดท้ายแนะนำ ศิลปะของสมัยราชวงศ์เหงวียน เช่น ศิลปะในพระราชวัง ศิลปะพื้นเมืองและในสมัยที่อยู่ภายใต้การปกครองของนักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศส ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 – ต้นศตวรรษที่ 20 นาง Lady Borton ผู้ที่เขียนบทนำของหนังสือเล่มนี้ได้เผยว่า
“ถึงแม้นี่เป็นหนังสือภาษาอังกฤษเกี่ยวกับศิลปะเวียดนามแต่ดิฉันคิดว่า ไม่เพียงแต่มีประโยชน์ต่อบรรดานักวิจัยเกี่ยวกับศิลปะและวัฒนธรรมเวียดนามเท่านั้น หากควรมีไว้ที่ห้องสมุดต่างๆอีกด้วย หนังสือเล่มนี้เหมือนสารานุกรมเกี่ยวกับศิลปะ ประวัติศาสตร์และศาสนาของเวียดนาม วัฒนธรรมคือรากฐานของศิลปะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนควรรู้”
หนังสือ “Vietnam Visual Arts in History Religion & Culture ” ” ได้รับการจัดพิมพ์เป็นครั้งที่ 2 ในช่วงต้นปี 2023 นี่เป็นความพยายามอย่างต่อเนื่องของนาง เคอรี่ เหงวียนลอง เพื่อแสดงถึงความรักเวียดนาม หนังสือเล่มนี้สร้างนิมิตหมายในกระบวนการยืนยันคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของศิลปะเวียดนามต่อโลก.