( VOVworld )-
เว็บไซต์การท่องเที่ยวระหว่างประเทศทัวร์โรเปีย ( touropia.com )ได้โหวตให้โบราณสถานทางวัฒนธรรมหมีเซิน จังหวัดกว่างนามภาคกลางประเทศเวียดนามเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยว ๑๐ แห่งที่น่าสนใจที่สุดของเวียดนาม โดยให้เหตุผลว่า โบราณสถานหมีเซินมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและตั้งอยู่ในชัยภูมิพิเศษในหุบเขาเตี้ย ล้อมรอบด้วยภูเขาและแมกไม้ ที่นี่เป็นศูนย์กลางทางศาสนาและความเลื่อมไสศรัทธาของราชอาณาจักรจามโบราณ ความงดงามของหมีเซินสามารถค้นหาได้ในทุกช่วงช่วงเวลาและทุกวัน
ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนอบอ้าว นักท่องเที่ยวยังหลั่งไหลมาเที่ยวหมีเซินอย่างไม่ขาดสาย พอเหยียบเท้าเข้าไปในโบราณสถานหมีเซินเราได้สัมผัสกับความเย็นสบาย เสียงจั๊กจั่นร้องดังทั่วบริเวณกลุ่มปราสาทหมีเซินทำให้บรรยากาศที่เงียบสงบ ณ ที่นี่คึกคักมากขึ้น ทั้งนี้ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น นักท่องเที่ยวชาวเยอรมันแสดงความชื่นชอบที่ได้มาเที่ยวหมีเซินว่า “ นับเป็นครั้งแรกที่ผมมาที่นี่ ผมชอบทิวทัศน์ที่นี่มาก ปราสาทหมีเซินเป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและสวยมาก ”
ปราสาทหมี เซินสร้างด้วยศิลปะจามโบราณราวพุทธศตวรรษที่ ๔ โดยพระเจ้าภัทรวรมัน เพื่อใช้เป็นศาสนสถานสำหรับบูชาพระศิวะตามความเชื่อในศาสนาฮินดู หมีเซินเคยเป็นนครศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญอันดับต้น ๆ ของอาณาจักรจามตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 - ศตวรรษที่ 15 กลุ่มปราสาทหมีเซินตั้งอยู่บริเวณที่ราบต่ำ มีภูเขาโอบล้อม ประกอบด้วยปราสาททั้งหมด 73 หลัง แต่ในช่วงสงครามเวียดนาม โบราณสถานจำนวนมากถูกทำลาย ทำให้ปัจจุบันเหลือปราสาทเพียงกว่า ๒๐ หลังเท่านั้น และยังมีร่องรอยของปราสาทที่ถูกทำลายหลงเหลืออยู่ให้เห็น สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของปราสาทจามคือ ภาพแกะสลักบนผนังและอิฐที่ใช้ก่อสร้างปราสาทที่ทนกับกาลเวลา ชาวจามรู้จักใช้มอร์ตาร์ในการก่อสร้างปราสาท ส่วนช่างฝีมือดีได้ทำการแกะสลักลวดลายบนผนังอิฐอย่างประณีตสวยงาม ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของปราสาทหมีเซินที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดมาเที่ยวชมเมื่อมาเวียดนาม
ปราสาทประมาณ ๓๐ หลังที่ไม่ถูกทำลายจากสงครามถือเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมและประติมากรรมเกี่ยวกับวัฒนธรรมจามที่หาค่ามิได้ ศิลปะในการก่อสร้างและแกะสลัก คติความเชื่อของชาวจามเกี่ยวกับดาราศาสตร์ เทพเจ้าและมนุษย์ในกลุ่มปราสาททำให้กลุ่มปราสาทหมีเซินมีความงดงามที่ลี้ลับและดึงดูดใจนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศให้หลั่งไหลมาหมีเซิน นายด่าตจื๋อ ชาวจาม จังหวัดนินห์ถ่วนที่มาเยือนโบราณสถานหมีเซินกล่าวว่า “ ผมกลับมาสู่รากเหง้าของบรรพบุรุษและรากเหง้าของชาติ และได้ทราบว่า โบราณสถานแห่งนี้ได้กลายเป็นมรดกวัฒนธรรม ผมไปเที่ยวชมทุกแห่ง ณ ที่นี่และภาพในอดีตได้หวนกลับมาในความทรงจำของผม ผมรู้สึกอย่างบอกไม่ถูก อิฐที่ก่อสร้างปราสาท ศิลาจารึกและรูปสลักต่างๆภายในปราสาทสะท้อนว่าแม้วัฒนธรรมของชาวจามจะมีความหลากหลาย โดดเด่นและลี้ลับขนาดไหนแต่นักโบราณคดีก็ยังสามารถค้นพบได้ ”
กลางปี ๒๐๑๓ กลุ่มจีของโบราณสถานหมีเซินได้เปิดให้นักท่องเที่ยวชาวเวียดนามและชาวต่างประเทศเข้าชมภายหลังทำการปฏิสังขรมาเป็นเวลา ๑๔ ปี ตลอดระยะเวลาทำการปฏิสังขรนั้น บรรดาผู้เชี่ยวชาญสามารถขุดค้นและบูรณะปฏิสังขรสิ่งของวัตถุและสิ่งปลูกสร้างกว่า ๖๐ ชิ้นที่ชำรุด พังทลายและถูกฝังอยู่ใต้ดิน นายเฟเดริโก วิศวกรชาวอิตาเลี่ยนที่ทำการปฏิสังขรกลุ่มปราสาทจีตั้งแต่ปี ๒๐๐๔-๒๐๐๕เปิดเผยว่า “ ผมเป็นวิศวกรและเคยเรียนเทคนิคการก่อสร้างของชาวจาม ก่อนเข้าร่วมโครงการผมได้อ่านหนังสือและหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับปราสาทแห่งนี้ และเมื่อมาที่นี่ผมได้ชมปราสาทของจริงซึ่งแตกต่างกับที่ได้อ่านมาก เมื่อโครงการเสร็จ ผมรู้สึกว่าต้องมีความวิเศษที่เราสามารถทำให้ปราสาทดูสวยขึ้น ตอนยังไม่มีโครงการ ปราสาทถูกล้อมรอบด้วยวัชพืชและหญ้าอย่าหนาแน่น ที่นั่นไม่มีคน บรรยากาศเงียบสงัดแต่สวยมาก เมื่อเสร็จโครงการ ผมรู้สึกชอบมันมากขึ้น ”
โบราณสถานหมีเซินเป็นศูนย์รวมศิลปะสถาปัตยกรรมปราสาทจามที่ยังหลงเหลือในผืนดินภาคกลางประเทศเวียดนาม ปราสาทหมีเซินที่มีคุณค่าทางศิลปะศาสนาที่เป็นเอกลักษณะของชนเผ่าจามได้มีส่วนร่วมที่สำคัญในศิลปะของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งไม่แพ้ปราสาทนครวัดของกัมพูชา อาณาจักรพุกามของพม่า และมหาสถูปบุโรพุทโธของอินโดนีเซียเลยทีเดียว ./.