( VOVworld )-หุบเขาเหมื่องฮวาอยู่ห่างจากเมืองซาปาไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ ๑๐ กิโลเมตร ที่นี่ยังคงอนุรักษ์ความสวยงามของธรรมชาติไว้อย่างสมบูรณ์และเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าหลายเผ่าของเวียดนาม
มีเส้นทางเดียวจากเมืองซาปาไปยังหุบเขาเหมื่องฮวาคือ เส้นทางเลียบตามเทือกเขาสูง เหมื่องฮวามีพื้นที่ ๘ ตารางกิโลเมตรรวมพื้นที่ ๖ ตำบลได้แก่ลาวจ๋าย ต๋าวาน เหิ่วถ่าว สือปา ต๋าฝี่นและบ้านโห่ อยู่เหนือระดับน้ำทะเลประมาณ ๑,๐๐๐เมตรและถูกล้อมรอบด้วยเทือเขาสูงหว่างเลียนเซิน สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการถ่ายรูปและค้นหาธรรมชาติที่สวยงามนั้น พวกเขามักจะเลือกการเดินทางไปยังหุบเขาเหมื่องฮวาด้วยจักรยานยนต์ โดยระยะทางจากเมืองซาปาไปยังหุบเขาอยู่ที่ประมาณ ๑๐กิโลเมตร นายห่าอาเต้ย ชาวซาปาเปิดเผยว่า “ ที่นี่มีเมฆเยอะมาก ตอนเช้ายืนที่ถนนมองลงไปจะเห็นสีขาวของเมฆและหมอก เมฆเป็นปุยดุจผ้าห่ม ทิวทัศน์ยามเหมันต์สวยมาก ส่วนคิมหันต์นั้นทิวทัศน์ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นและได้กลิ่นไอของความโบราณ เราเห็นหมู่บ้านอยู่ใกล้มากแต่กว่าจะไปถึงต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงเพราะทางเดินคดเคี้ยว ยืนบนถนนบนภูเขาสามารถมองเห็นภาพภูผาและ หมู่บ้านได้ตลอดจนมองเห็นลานศิลาและบริเวณใกล้เคียง ”
หุบเขาเหมื่องอวามีนาขั้นบันไดที่มีบ้านหลังเล็กๆของคนในพื้นที่ตั้งอยู่กระจัดกระจาย ซึ่งเป็นนาขั้นบันไดที่สวยที่สุดของซาปา ส่วนนาขั้นบันไดในพื้นที่ ๓ ตำบลได้แก่ ลาวจ๋าย ต๋าวานและเหิ่วถ่าวได้รับการระบุในกินเนสบุ๊คเวียดนามว่า เป็นนาขั้นบันไดที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม นาขั้นบันไดตามไหล่เขาจากฝีมือของมนุษย์เป็นผลงานศิลปะผลงานหนึ่ง นายเหงวียนจ่องแถ่งกับเพื่อนมักจะสะพายกล้องมาที่นี่ทุกๆสองปีเพื่อถ่ายรูปนาขั้นบันได นายแถ่งกล่าวว่า “ พวกเราหลงไหลการถ่ายรูปนาข้าวเหลืองอร่ามประมาณเดือนสิงหาถึงเดือนกันยา ไหล่เขาค่อยๆลาดลงไปเมื่อข้าวสุกกลายเป็นสีเหลืองอร่ามทำให้นาข้าวกลายเป็นทะเลข้าว และเมื่อต้องลมก็กลายเป็นคลื่นทะเลสีเหลือง ผมมักจะเลือกมุมถ่ายรูปที่มีนาข้าว ภูเขาและแสงแดดทะลุเมฆเพราะภาพจะสวยมาก ซึ่งต้องใช้เวลาดัก นาขั้นบันไดยังสวยในฤดูน้ำไหลเข้า ”
นาขั้นบันไดสวยตระกาลตา
มีลำน้ำใหญ่ไหลผ่านใจกลางหุบเขาเหมื่องฮวา ลำน้ำนี้มีชื่อเพราะมากคือ ลำน้ำฮวาหรือลำน้ำดอกไม้ ลำน้ำดอกไม้ยาว ๑๕ กิโลเมตรเหมือนงูเหลือมที่เลื้อยลัดเลาะตามนาขั้นบันได ในฤดูข้าวสุกรวงข้าวกลายเป็นสีเหลือง ลำน้ำจะสะท้อนสีเหลืองของรวงข้าวทำให้หุบเขาเหมื่องฮวาตระกาลตายิ่งนัก
ที่หุบเขาเหมื่องฮวายังมีลานศิลสโบราณที่สลักตัวอักษรและลวดลายโบราณ ทั้งนี้ทำให้หุบเขาแห่งนี้กลายเป็นจุดนัดพบของนักโบราณคดีชาวเวียดนามและชาวต่างชาติตลอดจนนักท่องเที่ยวอีกด้วย มีแผ่นศิลาหลากหลายขนาดเล็กบ้างใหญ่บ้างประมาณ ๒๐๐ แผ่นที่สลักรูปที่ให้ความรู้สึกลึกลับ แผ่นศิลาเหล่านี้อยู่กระจัดกระจายบ้างอยู่ใต้ร่มไม้หรืออยู่กับใบหญ้า บ้างก็อยู่ตามตลิ่งหรือไร่นา ลวดลายสลักเหล่านี้ยังไม่สามารถระบุที่มาและความหมายได้ ปัจจุบัน ลานศิลาสลักโบราณนี้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกระดับชาติและเป็นมรดกพิเศษของชาวเวียดโบราณ คุณด่าวถิ่ถุ่ยญูงไกด์นำเที่ยวแนะนำว่า “ แผ่นศิลาอยู่กระจัดกระจายในหลายที่ แต่มากที่สุดคือที่ลานสองแห่งได้แก่ ลานที่อยู่ใกล้บ้านโฟ ที่เป็นหมู่บ้านของชนเผ่าม้งและตั้งอยู่ตอนล่างของลำน้ำฮวา ที่นี่มีแผ่นศิลาขนาดใหญ่จำนวนมากที่สุด มีศิลาบางแผ่นกว้าง ๑๒ เมตร และมีรูปสลักหลากหลาย ลานที่สองอยู่ที่บริเวณติดกับตำบลเหิ่วถ่าวและลาวจ๋าย มีศิลากว่า ๑๐๐ แผ่น ซึ่งเป็นลานหินที่ใหญ่ที่สุดและแผ่นศิลาก็มีรูปแกะสลัดไม่ซ้ำกันด้วย ”
แผ่นศิลาแกะสลักรูปต่างๆ
สำหรับคนในพื้นที่ ลานศิลาโบราณซาปาเปรียบเสมือนหอสมุดกลางท้องฟ้าและเป็นหนังสือขนาดใหญ่ที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ลูกหลาน ลานหินสองแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของชาติ
เมื่อชมทิวทัศน์ที่สวยงามจนอิ่มตาอิ่มใจแล้ว นักท่องเที่ยวจะเดินตามทางเล็กๆและข้ามสะพานแขวนเข้าไปเยือนหมู่บ้านก๊าตก๊าตที่ขึ้นชื่อด้วยอาชีพทอผ้าลวดลายพื้นเมืองและย้อมผ้าด้วยกรรมวิธีพื้นเมืองของชนเผ่าม้ง ไปเยี่ยมเยือนบ้านต๋าวานของชนเผ่าไย้และพูดคุยกับพวกเขาเพื่อศึกษาประเพณีและวัฒนธรรมขอ งสองชนเผ่าดังกล่าว หรือพักอยู่ในบ้านของพวกเขาเพื่อศึกษาวิถีชีวิตประจำวัน นายห่าอาเต้ยเปิดเผยว่า “ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาตินั้น พวกเขาจะไปเที่ยวกับชาวบ้าน โดยชาวบ้านนำทางพาไต่เขาและท่องป่า ภูเขาที่นี่ค่อยๆลาดลงไป เราต้องไต่ตามเส้นทางลัดเลาะ ซึ่งก็ถือเป็นการเดินออกกำลังกาย ”
ลานศิลาที่เหมื่องฮวา
หุบเขาเหมื่องฮวาในเมืองซาปาเป็นจุดนัดพบของนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามและชาวต่างชาติ เมื่อมาที่นี้แล้ว นักท่องเที่ยวจะได้ดื่มด่ำกับความสวยงามแบบโรแมนติกท่ามกลางเทือกเขาสูงหว่างเลียนเซินที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวยิ่งนัก ./.