นาย เหงวียนหายบั่ง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย |
ปัจจุบัน เวียดนามเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์กับไทย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาทที่สำคัญของเวียดนามต่อไทย ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศได้รับการพัฒนา เวียดนามได้มีกิจกรรมส่งเสริมการค้าเพื่อช่วยให้สถานประกอบการและสินค้าเวียดนามเข้าถึงตลาดของไทย เมื่อเร็วๆนี้ ในโอกาสการเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีเวียดนาม เหงวียนซวนฟุก เมื่อเดือนสิงหาคมปี2017 ได้มีการจัดสัปดาห์สินค้าเวียดนามในไทยปี2017ที่จัดโดยเครือบริษัทเซ็นทรัลกรุ๊ปกับกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมเวียดนามในกรุงเทพ ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมเพื่อปฏิบัติโครงการส่งเสริมสถานประกอบการเวียดนามเข้าร่วมเครือข่ายจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศรวมทั้ง ไทยจนถึงปี2020 แต่อย่างไรก็ดี การเข้าไปลงทุนของสถานประกอบการและนักลงทุนเวียดนามในประเทศไทยยังมีน้อย สำหรับปัญหานี้ เอกอัครราชทูต เหงวียนหายบั่งได้เผยว่า “สาเหตุของปัญหานี้เนื่องมาจากสถานประกอบการไทยมีศักยภาพทางเศรษฐกิจ ประสบการณ์ด้านการเงินและการลงทุนในต่างประเทศกว่าสถานประกอบการเวียดนาม นอกจากนี้ เครือบริษัทต่างๆของไทยให้ความสนใจต่อตลาดเวียดนาม ใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบและสิทธิพิเศษด้านภาษีของการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน”
แต่อย่างไรก็ดี ตามการประเมินของเอกอัครราชทูต เหงวียนหายบั่ง สถานประกอบการเวียดนามยังมีโอกาสมากมายในการลงทุนและประกอบธุรกิจในไทยเนื่องจากผู้บริโภคไทยรู้จักและนิยมใช้สินค้าเวียดนาม โดยเฉพาะ สินค้าการเกษตรและสัตว์น้ำ เป็นต้น “เวียดนามและไทยเป็นสองประเทศที่มีความคล้ายคลึงกันทั้งในด้านการผลิตสินค้าและการค้า เช่น ผลไม้ ข้าวและอาหาร ทั้งสองประเทศยังเป็นคู่แข่งกันในหน่วยงานต่างๆ แต่อย่างไรก็ดี มีสถานประกอบการเวียดนามหลายแห่งที่ประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจในไทยอาทิเช่น บริษัทไทยเวียดเจ็ทแอร์ นอกจากนี้ ด้านสัตว์น้ำ การส่งออกกาแฟ การผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และการท่องเที่ยวก็เป็นด้านความร่วมมือที่มีศักยภาพสำหรับสถานประกอบการเวียดนามในไทย”
สัปดาห์สินค้าเวียดนามในไทย |
บทบาทและสถานะของเวียดนามนับวันยิ่งได้รับการยกระดับบนเวทีโลก การพัฒนาเศรษฐกิจ บรรยากาศการเมืองและสังคมที่มีเสถียรภาพได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยให้มาเยือนเวียดนาม ซึ่งเป็นด้านที่สถานประกอบการเวียดนามสามารถใช้ประโยชน์ได้ ควบคู่กันนั้น สถานทูตเวียดนามประจำประเทศไทยได้ส่งเสริมการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในประเทศไทย “ทางสถานทูตมีแผนการประสานงานกับกระทรวงวัฒนธรรม การกีฬาและการท่องเที่ยวเวียดนามและบริษัทนำเที่ยวเพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเวียดนามในประเทศไทย พวกเราต้องจัดการสำรวจความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวไทยเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยให้มาเยือนเวียดนาม ผลการสำรวจปรากฎว่า โบราณสถานทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของเวียดนาม เช่น สะพานเบ๊นถวี สะพานเหี่ยนเลือง สุสานเจื่องเซิน เมืองเก่าฮอยอันและนครดานังได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ ชาวไทยก็ชอบอาหารเวียดนามเนื่องจากมีประโยชน์ต่อสุขภาพ”
ในปี2017 มีนักท่องเที่ยวเวียดนามกว่า8แสนคนได้เดินทางไปเที่ยวไทยและนักท่องเที่ยวไทยกว่า2แสนคนมาเที่ยวเวียดนาม ดังนั้น เมื่อกล่าวถึงมาตรการเพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเวียดนามในไทยอย่างมีประสิทธิภาพ เอกอัครราชทูต เหงวียนหายบั่งได้เผยว่า ทั้งสองประเทศต้องส่งเสริมการเชื่อมโยงและการพบปะสังสรรค์ระดับประชาชนเพราะนี่เป็นแนวทางที่มีศักยภาพและโอกาสให้แก่สถานประกอบการเวียดนามในประเทศไทย “รูปแบบการเชื่อมโยงแรกระหว่างสองประเทศคือการเชื่อมโยงด้านการบิน ในรอบครึ่งปีที่ผ่านมา เวียดนามและไทยได้เปิดเส้นทางบินตรงจากกรุงเทพฯไปยังท้องถิ่นต่างๆของเวียดนาม เช่น ฟู้ก๊วกและดาลัด ซึ่งช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบธุรกิจระหว่างสองประเทศ พวกเราตั้งความหวังว่า ในอนาคต ทั้งสองประเทศจะผลักดันความเชื่อมโยงทางบกและทางทะเล การเชื่อมโยงต่างๆจะช่วยปฏิบัติแนวทางสองประเทศ-หนึ่งจุดหมายปลายทาง”
ปัจจุบัน เวียดนามเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่อันดับ2ของไทยในอาเซียนและไทยเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนามในภูมิภาค ท่านเอกอัครราชทูตเวียดนามได้เผยว่า จากการวิเคราะห์เกี่ยวกับโอกาสของสถานประกอบการเวียดนามในไทย เป้าหมายการเพิ่มมูลค่าการค้าต่างตอบแทนขึ้นเป็น2หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี2020จะได้รับการปฏิบัติโดยเร็ว.