สรุป 5 ปีความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม – อินโดนีเซีย

Huong Tra - VOV5
Chia sẻ
(VOVWORLD) - หลังการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นเวลา 63 ปีและ 5 ปีที่ยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียกำลังย่างเข้าสู่ระยะแห่งการพัฒนาอย่างรอบด้านและกว้างลึกในทุกด้าน โดยเฉพาะในด้านที่มีศักยภาพ เช่น การค้า การลงทุนและสังคมทั้งในกรอบของอาเซียนและเวทีต่างๆในระดับภูมิภาคและโลก ในโอกาสปีใหม่ 2019 ขอเชิญท่านดูสาระสำคัญในการตอบสัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเวียดนามของท่าน อีบนู ฮาดี เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำเวียดนามเกี่ยวกับผลสำเร็จของความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียในตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในปี 2018
สรุป 5 ปีความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม – อินโดนีเซีย - ảnh 1 ท่าน อีบนู ฮาดี กับผู้สื่อข่าวภาคภาษาอินโดนีเซีย สถานีวิทยุเวียดนาม

“เราขอสรุปความสัมพันธ์ใน 3 เสาหลักคือ การเมือง – ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม – การศึกษานะครับ ซึ่งในเสาหลักการเมือง – ความมั่นคง สองประเทศมีความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในกรอบอาเซียน ความร่วมมือด้านความมั่นคงนับวันได้รับการยกระดับ โดยเฉพาะผ่านการเยือนและกิจกรรมความร่วมมือระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศ ในด้านเศรษฐกิจ – การค้า มูลค่าการค้าต่างตอบแทนระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียในปี 2017 ได้บรรลุ 6.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและในปี 2018 ได้บรรลุ 7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่มูลค่าการค้าต่างตอบแทนนั้นจะบรรลุ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในเร็วๆนี้ ในด้านสังคมและการทูตประชาชน เราได้ยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน โดยเฉพาะมุ่งสู่เยาวชน ซึ่งสามารถสรุปโดยทั่วไปว่า ใน 5 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ได้พัฒนาอย่างดีงามและความสัมพันธ์ทวิภาคีนับวันแน่นแฟ้นมากขึ้น”

สำหรับคำถามเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมสำคัญๆ โดยเฉพาะการเยือนระหว่างกันของผู้นำระดับสูงเวียดนามและอินโดนีเซีย ท่านเอกอัครราชทูตฯ ได้สรุปว่า

“ในตลอด 5 ปีที่สถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม – อินโดนีเซีย ได้มีการจัดกิจกรรมระดับสูงต่างๆที่เป็นนิมิตหมายของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ ยกตัวอย่างเช่น การเยือนอินโดนีเซียของท่านเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เหงียนฟู้จ่อง เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2017 เพราะว่า ก่อนหน้านั้นมีแต่เลขาธิการใหญ่พรรคคือประธานโฮจิมินห์ที่ไปเยือนประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งการเยือนอินโดนีเซียครั้งนี้ของท่าน เหงียนฟู้จ่อง ได้เปิดโอกาสให้แก่ความร่วมมือในด้านต่างๆ โดยเฉพาะเศรษฐกิจและสังคม หลังจากนั้นคือการเยือนเวียดนามของประธานาธิบดีอินโดนีเซียในกรอบการประชุมเอเปกเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2017 และ ประธานาธิบดีอินโดนีเซียก็เดินทางไปเยือนประเทศเวียดนามอย่างเป็นทางการในโอกาสเข้าร่วมการประชุม WEF เมื่อเดือนกันยายนปี 2018 หลังจากนั้น 1 เดือน นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เหงียนซวนฟุ๊กได้เดินทางไปเยือนประเทศอินโดนีเซียในกรอบการประชุมประจำปีของ IMF – WB ณ เกาะบาหลี ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การเยือนระดับสูงระหว่างกันได้มีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างสองประเทศที่นับวันได้รับการยกระดับให้แน่นแฟ้นมากขึ้น

สรุป 5 ปีความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม – อินโดนีเซีย - ảnh 2ประธานาธิบดีอินโดนีเซียเยือนเวียดนามเมื่อเดือนกันยายนปี 2018 (Photo VNplus) 

สำหรับคำถามว่าอินโดนีเซียจะต้องทำอะไรเพื่อบรรลุมูลค่าการค้าต่างตอบแทน 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ท่าน อีบนู ฮาดี ได้เผยว่า

“ทางสถานทูตอินโดนีเซียได้ผลักดันการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่เวียดนามมีความต้องการ โดยในปีที่แล้ว เวียดนามนำเข้าถ่านหินจากอินโดนีเซียได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 ซึ่งสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมใช้พลังงานถ่านหิน ต่อจากนั้น เมื่อเดือนกันยายนปี 2017 เวียดนามประกาศนโยบายใหม่เกี่ยวกับภาษีที่มีความเหมาะสม จึงอำนวยความสะดวกให้แก่การนำเข้ารถยนต์จากอินโดนีเซีย ส่วนอินโดนีเซียได้นำเข้าข้าวเวียดนามประมาณ 7 แสนตัน ซึ่งสะท้อนบทบาทสำคัญของเวียดนามต่อตลาดการเกษตรในอินโดนีเซีย ส่วนการลงทุนในโครงการต่างๆก็มีการพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด โดยเมื่อเร็วๆนี้ อินโดนีเซียได้ปฏิบัติโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่อำเภอบาหวี่ กรุงฮานอย จากพื้นฐานดังกล่าว ผมหวังว่า มูลค่าการค้าต่างตอบแทนจะบรรลุ 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2019 และจะบรรลุ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2020”

ส่วนมาตรการกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างเวียดนาม – อินโดนีเซียให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในเวลาข้างหน้า นาย อีบนู ฮาดี เสนอว่า

“สำหรับประเทศอินโดนีเซีย เราจะจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะเน้นในด้านการค้าและเศรษฐกิจ การขยายตัวของเศรษฐกิจเวียดนามสูงมาก คือร้อยละ 6-7 ส่วนการขยายตัวของอินโดนีเซียอยู่ที่ร้อยละ 5 ซึ่งพอๆกัน ดังนั้นจำเป็นต้องยกระดับความต้องการระหว่างสองประเทศ เมื่อปลายปี 2018 ทางสถานทูตอินโดนีเซียได้จัดสัปดาห์แลกเปลี่ยนเกี่ยวกับกาแฟ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันความร่วมมือในด้านนี้ ต่อจากนั้นเราได้จัดสัปดาห์แฟชั่นและการแต่งกายอินโดนีเซีย ควบคู่กันนั้น ผมก็อยากเน้นถึงการผลักดันการทูตประชาชน โดยจะจัดกิจกรรมที่หลากหลายต่อไป เช่น การสอนภาษาอินโดนีเซียเพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาเวียดนามได้เรียนภาษาอินโดนีเซีย ผลักดันความสัมพันธ์ยุทธศาสตร์กับมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อเดือนธันวาคมปี 2018 เราได้จัดการแสดงคอนเสิร์ตที่มีผู้เข้าชม 1 พันคนโดยเน้นกลุ่มเยาวชน การจัดกิจกรรมเหล่านี้ก็เพื่อยกระดับความรู้และไมตรีจิตมิตรภาพระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ.”

Feedback