งานแสดงสินค้าลาว-เวียดนามปี 2023 |
สถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจโลกและภูมิภาคที่ยังคงเผชิญความผันผวนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความต้องการของผู้บริโภคลดลงได้ส่งผลกระทบต่อมูลค่าการนำเข้าและส่งออกของเวียดนาม ในขณะที่มูลค่าการค้าทวิภาคีระหว่างเวียดนามกับลาวในปี 2023 ได้ลดลงเล็กน้อย โดยอยู่ที่ประมาณ 1 พัน 6 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.1 จากตัวเลขของปี 2022 ซึ่งในนั้น การส่งออกของเวียดนามไปยังลาวมีมูลค่าอยู่ที่ 485 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 12.5 ส่วนมูลค่าการนำเข้าของเวียดนามจากลาวอยู่ที่ 977 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2022 โดยสินค้าส่งออกหลักของเวียดนามไปยัง สปป.ลาวประกอบด้วย ปิโตรเลียม ผลิตภัณฑ์จากเหล็กและเหล็กกล้า ยานพาหนะสำหรับการขนส่งพร้อมอะไหล่ เครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือ และอะไหล่อื่นๆ ปุ๋ย รวมถึงผักและผลไม้ทุกชนิด
นายมะไลทอง กมมะสิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ลาว ได้เผยว่า พรรคและรัฐของทั้งสองประเทศยังคงให้ความสนใจต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจ รวมถึงการสนับสนุนระหว่างกันในการปกป้องและสร้างสรรค์ประเทศ เพื่อนำพาประเทศพัฒนาได้อย่างมั่นคง เศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และเจริญก้าวหน้า
“พรรคและรัฐของทั้งลาวและเวียดนามต่างให้ความสนใจต่อความสัมพันธ์และความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจ เพื่อส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ ทางการค้าของทั้งสองประเทศให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่องในหลายระดับ ปัจจุบัน เวียดนามเป็นประเทศรายใหญ่อันดับ 3 ที่ลงทุนในลาว”
นายมะไลทอง กมมะสิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ลาว |
ในด้านการค้าระหว่างเวียดนามกับลาวได้รับประโยชน์เป็นอย่างมากจากการลดอัตราภาษีเหลือ 0% สำหรับผลิตภัณฑ์เกือบทุกรายการตามข้อตกลงว่าด้วยการค้าของอาเซียน ข้อตกลงการค้าทวิภาคีเวียดนาม-ลาว และข้อตกลงการค้าชายแดนเวียดนาม-ลาว นอกจากนั้น ตลาดลาวไม่มีข้อกำหนดใดที่เข้มงวดในด้านคุณภาพสินค้า ส่วนผู้บริโภคชาวลาวก็นิยมใช้สินค้าจากเวียดนามเป็นอย่างมาก ในขณะที่ตลาดลาวถือเป็นประตูสำคัญสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการเวียดนามในการขยายตลาดสู่กลุ่มประเทศอาเซียน แต่อย่างไรก็ดี ศักยภาพในการพัฒนาการค้าระหว่างทั้งสองประเทศยังมีอีกมาก โดยกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ของทั้งสองประเทศได้เสนอแนวทางความร่วมมือในการพัฒนาเพื่อบรรลุเป้าหมายต่างๆ ที่วางไว้ พร้อมตัวเลขอันน่าประทับใจในช่วงเวลาข้างหน้า
“กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ของทั้งสองประเทศได้ตั้งเป้าหมายที่จะส่งเสริมการขยายตัวทางการค้าด้วยอัตราร้อยละ 10-15 ต่อปี โดยทั้งสองฝ่ายจะมีการประสานงานร่วมกันในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมด้านการค้าต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มนักลงทุน ผู้ประกอบการ รวมถึงผู้ผลิตของเวียดนามและลาวพบปะและแลกเปลี่ยนสินค้า แบ่งปันประสบการณ์ พร้อมการจับคู่ธุรกิจและร่วมกันเสนอแนวความคิดและข้อคิดริเริ่มเกี่ยวกับโมเดลธุรกิจใหม่ๆ”
ในภาพรวม ลาวเป็นตลาดอันดับที่ 33 จากกลุ่มตลาดส่งออกราว 200 แห่ง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 0.32 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าทั้งหมดของเวียดนาม ส่วนภายในภูมิภาคอาเซียน จำเป็นต้องมีการส่งเสริมความร่วมมือในภาคอุตสาหกรรมและพาณิชย์ โดยรัฐบาลเวียดนามและลาวมีความประสงค์ที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคีขึ้นเป็น 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในอนาคตอันใกล้นี้ ด้วยการใช้ประโยชน์จากศักยภาพสูงสุดในด้านความร่วมมือทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ นางคำเพา เอินทะวัน เอกอัครราชทูตลาวประจำประเทศเวียดนาม เผยว่า
“สำหรับศักยภาพในด้านความร่วมมือทวิภาคี ดิฉันมองว่า จะมุ่งเน้นไปยังความร่วมมือด้านพลังงานและการเกษตร โดยประเทศลาวมีศักยภาพมากมายในด้านการพัฒนาพลังงาน โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และไฟฟ้าพลังน้ำ ปัจจุบัน ลาวเป็นประเทศผู้ส่งออกไฟฟ้า ดังนั้น ศักยภาพในการพัฒนาความร่วมมือในด้านนี้จึงมีอีกมาก เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งลาวและเวียดนาม”
นางคำเพา เอินทะวัน เอกอัครราชทูตลาวประจำประเทศเวียดนาม |
ทั้งนี้ ถึงแม้ยังคงมีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด แต่การนำเข้าและส่งออกระหว่างเวียดนามกับลาวยังไม่สามารถบรรลุผลตามเป้า โดยโครงสร้างสินค้านำเข้าและส่งออกระหว่างทั้งสองประเทศยังไม่มีความหลากหลาย กิจกรรมการค้าชายแดนเวียดนาม-ลาวยังคงประสบกับอุปสรรคหลายอย่างและยังไม่มีศักยภาพพอเพื่อช่วยบรรลุเป้าหมายการแลกเปลี่ยนการค้าระหว่างกัน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการประสานงานร่วมกันระหว่างกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์และคณะกรรมการความร่วมมือทวิภาคีระหว่างรัฐบาล ซึ่งหวังว่า อุปสรรคต่างๆ จะได้รับการแก้ไขโดยเร็ว เหมือนคำกล่าวของเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศลาว เหงวียนบ๊าหุ่ง ว่า “พรรคและรัฐบาลเวียดนาม-ลาวมีความประสงค์ที่จะยกระดับความสัมพันธ์และความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้สูงขึ้นและทัดเทียมกับความสัมพันธ์ทางการเมืองและการทูตอันดีงามระหว่างสองประเทศ”