พลตรีอาวุโส หวิ่งดั๊กเฮือง |
แม้มีอายุมากถึง 100 ปีแล้วแต่นายพล หวิ่งดั๊กเฮืองยังสามารถพูดแบบเสียงดังฟังชัดมีพลัง มีแรงจับมือได้แน่นและแววตายังคงมีประกายเมื่อเล่าเรื่องความทรงจำในช่วงที่ปฏิบัติหน้าที่สากลในประเทศลาว “เพื่อมาเข้าถึงฐานที่มั่นของฝ่ายศัตรู เราต้องหาวิธีโจมตีที่เหมาะสมและมีแบบแผน เราทำการปิดล้อมหลายรอบเพื่อสามารถจับกุมเชลยศึกให้ได้มากที่สุด หน่วยจู่โจมหลักบุกฐานที่มั่นใหญ่ไล่ให้ศัตรูกลัวและหนีออกมาแล้วเราจะตั้งกำลังจับตัวด้านนอก ซึ่งการโจมตีแต่ละระลอก เราสามารถจับกุมเชลยศึกได้จำนวนมาก โดยเฉพาะในยุทธนาการกูเกียดที่มีขอบเขตในตัวประเทศเราสามารถจับกุมเชลยศึกได้ถึง 3,200 คน”
หลังจากที่ฝ่ายสหรัฐได้เปิดสงครามที่ยุยงให้คนลาวต่อสู้กันเอง ซึ่งส่งผลเสียต่อยุทธศาสตร์ในภาคตะวันตกของเวียดนาม จากประสบการณ์ที่ชนะฝ่ายสหรัฐในยุทธนาการ Plei Me ในเขตที่ราบสูงของเวียดนามเมื่อปี 1965 นายพลเฮืองพร้อมคณะปฏิบัติงานพิเศษรวมสมาชิก 40 คนที่จัดตั้งโดยพลเอก หวอหงวียนย้าป ได้นำกองทหารอาสาไปช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านลาว แล้วนายพล เฮืองก็รับหน้าที่เป็นผู้นำฝ่ายการเมืองในช่วงปี 1965-1975 ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามในประเทศลาวดุดเดือดที่สุด ซึ่งในยุทธนาการใหญ่รวม 7 ครั้งในประเทศลาว นายพลเฮืองก็เป็นผู้บังคับบัญชาถึง 5 ครั้ง สำหรับตัวท่านเองก็เคยตกอยู่ในภาวะแห่งความเป็นความตายอยู่หลายครั้งแต่ก็มีเพื่อนร่วมรบหลายคนรวมทั้งเลขาของเขาได้สละชีพในการสู้รบกูเกียดเซียงขวาง ปี 1969 “ในการปฏิบัติยุทธนาการ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งก็รวมถึงสมาชิกในทีมของเรา ส่วนผมเองก็เกือบเสียชีวิตถึง 3 ครั้ง โดยเฉพาะในยุทธนาการกูเกียดตอนพวกเราหลบเข้าไปในถ้ำ ฝ่ายศัตรูก็โยนระเบิดเข้ามา เพื่อนๆที่นั่งใกล้ๆผมถูกติดระเบิดเสียชีวิต ส่วนผมและสมาชิกบางคนได้โชคดีรอดมาได้ สงครามดุเดือดมาก โอกาสรอดชีวิตมีน้อย”
ในยุทธนาการใหญ่รวม 7 ครั้งในประเทศลาว นายพลเฮืองก็เป็นผู้บังคับบัญชาถึง 5 ครั้ง |
ในช่วงเวลานับสิบปีที่ปฏิบัติหน้าที่ในประเทศลาว นอกจากต้องต่อสู้กับฝ่ายศัตรู ทหารอาสาเวียดนามยังให้การช่วยเหลือประชาชนซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ปลูกข้าว ปลูกผัก เป็นต้น ในบางครั้งทหารอาสาเวียดนามหนุ่มๆที่ยังไม่มีครอบครัวก็ต้องเป็น “หมอตำแย” ช่วยทำคลอด อีกทั้งยังต้องศึกษาทำความเข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณีของคนลาวเพื่อทำการรณรงค์ให้พวกเขาเข้าร่วมกับเรา “ที่เขต Boliven มีธรรมเนียมอย่างหนึ่งคือ เมื่อไปไว้อาลัยผู้เสียชีวิต ต้องนำข้าวเหนียวและเนื้อใส่ปากของผู้เสียชีวิต ถ้าหากผู้เสียชีวิตกินไม่ได้ ผู้ไว้อาลัยก็ต้องกินแทน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เราอยู่ใกล้ชิดและมีใจเป็นหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม ดังนั้น ทหารอาสาเวียดนามก็ได้ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมนี้ ซึ่งช่วยให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตมองทหารเวียดนามเหมือนคนลาว เหมือนพี่น้อง ทหารอาสาเวียดนามใจดีที่ทำเพื่อชาวลาวทำให้เมื่อทหารอาสาบอกอะไร คนลาวก็ให้ความร่วมมือปฏิบัติตาม ถ้าหากคนลาวเจ็บป่วย ทหารเวียดนามก็ให้ยารักษา ดังนั้นในขณะที่เราไปค้นหาอัฐิของทหารอาสาผ่านศึกเวียดนาม เราจึงได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างมากจากคนลาว”
ในตลอด 10 ปีที่ปฏิบัติหน้าที่ในประเทศลาว พลตรีอาวุโสเฮืองได้มีส่วนร่วมในการช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่กองทัพลาว |
ในช่วงสงครามที่ดุเดือดนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างทหารอาสาเวียดนามกับกองทัพลาวก็มีความผูกพันใกล้ชิด เคียงบ่าเคียงไหล่กันและช่วยเหลือจุนเจือกันทั้งในสมรภูมิและในชีวิตประจำวัน พลตรีอาวุโส เฮืองเผยว่า “เราพบกันในสถานการณ์สงครามที่ดุเดือดก็หมายถึง เราอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ในสมรภูมิ เราร่วมกันอยู่ ร่วมกันสละชีพ นั่นคือความทรงจำที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับพันธมิตรเวียดนาม – ลาว”
ในตลอด 10 ปีที่ปฏิบัติหน้าที่ในประเทศลาว พลตรีอาวุโสเฮืองได้มีส่วนร่วมในการช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่กองทัพลาวเพื่อสามารถลุกขึ้นสู้ยึดอำนาจการปกครองประเทศในเดือนธันวาคมปี 1975 จากส่วนร่วมที่ยิ่งใหญ่ในการปฏิบัติภารกิจสากลนี้ เมื่อปี 1975 ท่านได้รับการเลื่อนยศเป็นพลตรีและดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการและผู้นำฝ่ายการเมืองกองทหารอาสาเวียดนามที่ช่วยเหลือประเทศลาว ปัจจุบันนี้ นายพล เฮือง เป็นหัวหน้าคณะประสานงานทั่วประเทศของทหารอาสาและผู้เชี่ยวชาญเวียดนามที่เคยให้การช่วยเหลือประเทศลาว ซึ่งท่านยังคงมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องในการขยายความสัมพันธ์นี้ให้เป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีและมิตรภาพพิเศษเวียดนาม – ลาว.