พิพิธภัณฑ์บ้านดงโฮจิมินห์ จังหวัดพิจิตร –สถานที่สร้างความผูกพันและสัมพันธไมตรีเวียดนาม-ไทย |
พวกเราเดินไปพร้อมกับคุณ สมพร เล็กอุทัยพานิช ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลป่ามะคาบ อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร ไปยังลานหญ้าสีเขียวที่มีต้นไม้ร่มรื่น บริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑ์บ้านดงโฮจิมินห์ซึ่งเป็นจุดที่มีการวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างเมื่อเดือนธันวาคมปี 2013 ในพื้นที่ 6,400 ตารางเมตรซึ่งเมื่อก่อนพื้นที่ก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ฯคือสุสานของชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่บริเวณใจกลางบ้านดงได้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทสำคัญและน้ำใจของประชาชนที่นี่ต่อประธานโฮจิมินห์ ถึงแม้ตามกำหนดการ จนถึงกลางปี 2018 พิพิธภัณฑ์จะเปิดอย่างเป็นทางการ แต่สิ่งปลูกสร้างหลักๆในบริเวณของพิพิธภัณฑ์ฯได้รับการก่อสร้างเกือบแล้วเสร็จ โดยมีอาคารหลักคือพิพิธภัณฑ์บ้านดงโฮจิมินห์ที่มี 2 ชั้น โดยชั้น 1 จัดแสดงเอกลักษณ์วัฒนธรรมพื้นเมืองเวียดนาม เช่นชุดประจำชาติ Ao dai งอบและภาพถ่ายบุคคลสำคัญที่เดินทางมาเยือนพิพิธภัณฑ์
บ้านยกพืื้นจำลองที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ฯ |
ส่วนชั้นที่ 2 กำลังเตรียมจัดแสดงสิ่งของวัตถุและข้อมูลที่เกี่ยวข้องถึงการเคลื่อนไหวปฏิวัติของประธานโฮจิมินห์ในประเทศไทย ใกล้ๆคือบ้านยกพื้นที่จำลองบ้านที่ประธานโฮจิมินห์เคยอาศัยที่จังหวัดพิจิตร ภายในบ้านมีหิ้งบูชาประธานโฮจิมินห์และรูปปั้นของท่าน ใกล้ๆคือตู้ไม้ตั้งตะเกียงน้ำมันเก่าๆที่ประธานโฮจิมินห์เคยใช้ในขณะที่อาศัยในจังหวัดพิจิตร ในการกล่าวถึงอุปสรรคในการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ฯ คุณ สมพร เล็กอุทัยพานิช ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลป่ามะคาบได้เผยว่า “เมื่อเริ่มต้นการดำเนินงานจัดทำศูนย์มิตรภาพบ้านดงโฮจิมินห์ พวกเราพบอุปสรรคมากพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องพยาน เอกสารหลักฐานที่ยืนยันความเป็นชุมชนชาวเวียดนาม รูปแบบบ้านเราค้นคว้าจากหนังสือเล่าเรื่องเมืองพิจิตรด้วยภาพเก่า ซึ่งเราค้นหาจากจดหมายเหตุแห่งชาติที่มีมีการบันทึกภาพของบ้านเรือนอายุเกือบร้อยปีที่ผ่านมา และเราเอาภาพเก่านี้ให้ผู้สูงอายุบริเวณตรงนี้ว่า พอจดจำได้ไหม สภาพบ้านใกล้เคียงในอดีตสมัยเมื่อเกือบร้อยปี เราก็ได้บ้าน วัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะเสานี้ร้อยปีแล้วเราซื้อบ้านเก่า 3 หลัง”
คุณ สมพร เล็กอุทัยพานิช ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลป่ามะคาบ |
ในช่วงที่เคลื่อนไหวปฏิวัติในประเทศไทยตั้งแต่เดือนกรกฎคมปี 1928 จนถึงปลายปี 1929 ประธานโฮจิมินห์ได้อาศัยที่หมู่บ้านดง ตำบลป่ามะคาบ จังหวัดพิจิตรเป็นเวลาสั้นๆ ซึ่งในปัจจุบัน ข้อมูลเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ท่านอาศัยที่หมู่บ้านดงยังไม่เป็นที่แน่นอน มีหนังสือเขียนว่าท่านอยู่ที่จังหวัดพิจิตรเป็นเวลา 2 สัปดาห์และบางเล่มก็บอกว่า ท่านอาศัยที่นี่เป็นเวลา 4 เดือน ในช่วงที่อาศัยที่นี่ ท่านได้ปรับตัวเข้ากับชีวิตของชาวเวียดนามที่นี่เพื่อเผยแพร่ รณรงค์การปฏิวัติก่อนย้ายไปจังหวัดอื่นๆในภาคอีสาน เช่นอุดรธานี สกลนครและนครพนม ถึงแม้เกือบ 1 ศตวรรษได้ผ่านพ้นไป แต่ทางการไทยและจังหวัดพิจิตรยังคงรักษาร่องรอยของประธานโฮจิมินห์ หลังจากก่อสร้างเป็นเวลากว่า 4 ปี ทางการไทยและจังหวัดพิจิตรได้ลงทุนและพัฒนาพิพิธภัณฑ์บ้านดงโฮจิมินห์ต่อไป ในกระบวนการก่อสร้าง จังหวัดพิจิตรได้ลงนาม MOU กับสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติสังกัดทำเนียบรัฐบาลเพื่อพัฒนาพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ให้กลายเป็นตัวอย่างของพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติของไทย โดยมีการผสานระหว่างการศึกษาเรียนรู้กับการท่องเที่ยว ทางการจังหวัดพิจิตรมีความประสงค์ว่า อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ที่จังหวัดพิจิตรจะไม่เพียงแต่เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับประธานโฮจิมินห์เท่านั้น หากจะพัฒนาที่นี่ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบชุมชนของตำบลป่ามะคาบอีกด้วย
นาย วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร |
นาย วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรได้เผยว่า“ผมคิดว่า การที่เกิดขึ้นของอนุสรณ์สถานหรือศูนย์มิตรภาพไทย-เวียดนาม หรือพิพิธภัณฑ์บ้านดงโฮจิมินห์เหมือนเป็นเครื่องสัญลักษณ์บอกถึงความดีงามระหว่างไทยกับเวียดนาม เราปลูกฝังต้นไม้ชื่อว่าศูนย์มิตรภาพไทย-เวียดนามให้เจริญงอกงามขึ้นในจิตใจของประชาชนจังหวัดพิจิตร ซึ่งเด็กๆ จะมาเรียนรู้ สัมผัสกับพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตแห่งนี้จะภาคภูมิใจประธานโฮจิมินห์ ตัวอย่างของโลก เพราะจริงๆต้องยอมรับว่า ที่อนุสรณ์สถานนี้ เมื่อก่อนคนรู้จักจังหวัดพิจิตรค่อนข้างน้อย รู้จักวัดวาอารามมากกว่า อนุสรณ์สถานแห่งนี้จุดประกาย 2 อย่างสำคัญ 1คือจุดประกายการทำความดี การสืบสานเดินตามรอยของประธานโฮจิมินห์ 2เป็นการปลูกฝังให้คนภายนอกรู้ว่า ที่นี่ไม่มีแค่วัดอย่างเดียว เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติประชาชนเวียดนามด้วย จุดเริ่มต้นที่ประธานโฮจิมินห์เดินทางมาเยือนเมืองไทย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือศูนย์มิตรภาพไทย เวียดนามที่เดียวในประเทศไทยก่อสร้างด้วยเงินของคนไทย อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นความภาคภูมิใจที่คนไทยสามารถตอบแทนมิตรประเทศอย่างเวียดนามได้”
บ้านยกพื้นที่จำลองบ้านที่ประธานโฮจิมินห์เคยอาศัยที่จังหวัดพิจิตร |
เพื่อก่อสร้างอนุสรณ์สถานแห่งนี้ ทางการไทยได้สนับสนุนทั้งแรงกายและเงินทุนเป็นจำนวนมาก ในเวลาที่ผ่านมา องค์การบริหารส่วนตำบลป่ามะคาบ และทางการไทยได้สนับสนุนเงินไม่น้อยกว่า 14 ล้านบาท ขณะนี้ จังหวัดพิจิตรได้จัดงบเพิ่ม 8 ล้านบาท โดยเงินส่วนหนึ่งจะใช้ปรับปรุงสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ขณะนี้ ที่ประเทศไทย นอกจากอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ที่หมู่บ้านดง ตำบลป่ามะคาบ จังหวัดพิจิตรแล้วก็ยังมีอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ 2 แห่ง แต่อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ที่จังหวัดพิจิตรมีความแตกต่างออกไป คุณ สมพร เล็กอุทัยพานิช ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลป่ามะคาบได้เผยว่า “อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ในจังหวัดพิจิตรต่างจากอนุสรณ์สถาน 2 แห่งที่บ้านหนองโอน จังหวัดอุดรธานีและบ้านนาจอกที่จังหวัดนครพนม 2 แห่งนั้นล้วนเกิดขึ้นจากการรวมตัวของชาวเวียดเกี่ยว รวมทั้งพี่น้องชาวเวียดนามที่ริเริ่มในการจัดทำอนุสรณ์สถานของประธานโฮจิมินห์ แต่จังหวัดพิจิตรเกิดขึ้นจากความคิดริเริ่มก่อตั้งขึ้นมาและใช้งบประมาณของราชการไทยส่วนหนึ่งก็มาดำเนินการ”
ภายในบ้านมีหิ้งบูชาประธานโฮจิมินห์และรูปปั้นของท่าน |
ถึงแม้อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ที่จังหวัดพิจิตรยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการ แต่ที่นี่ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางของประชาชนชาวไทยและนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวและศึกษาเกี่ยวกับประธานโฮจิมินห์ ตามรายงานสถิติ เมื่อปี 2017 มีนักท่องเที่ยวเกือบ 1 พันคนมาเที่ยวอนุสรณ์สถานฯ นอกจากนั้น ยังมีเกือบ 1 แสนคนหาข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์บ้านดงโฮจิมินห์ผ่าน Google map ซึ่งเชื่อมั่นว่า เมื่อเปิดอย่างเป็นทางการ อนุสรณ์สถานบ้านดงโฮจิมินห์จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวและศึกษาเกี่ยวกับประธานโฮจิมินห์ ตลอดจนสัมพันธไมตรีเวียดนาม-ไทยของทั้งชาวไทยและชาวเวียดนาม และมีส่วนร่วมกระชับสัมพันธไมตรีระหว่างสองประเทศ.