นาย Denny Abdi เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศเวียดนาม |
นับตั้งแต่ที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อกว่า 60 ปีก่อน ความสัมพันธ์ทางการเมืองและความมั่นคงที่ดีงามระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียยังคงเป็นสิ่งล้ำค่าที่บรรดาผู้นำระดับสูงและประชาชนของทั้งสองประเทศให้ความสำคัญ ทํานุบํารุงและส่งเสริม ผ่านกิจกรรมการเยือนอย่างเป็นทางการ การพบปะหารือและการแลกเปลี่ยนต่างๆ ซึ่งล่าสุดคือการเดินทางไปเยือนประเทศอินโดนีเซียและเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่รัฐสภาอาเซียนหรือไอป้าครั้งที่ 44 ในระหว่างวันที่ 4-10 สิงหาคมที่ผ่านมา ของประธานสภาแห่งชาติเวียดนาม เวืองดิ่งเหวะ การเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 43 ณ ประเทศอินโดนีเซีย ของนายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งห์ ในระหว่างวันที่ 4-7 กันยายน ซึ่งประจวบกับโอกาสฉลองครบรอบ 10 ปีความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ซึ่งมีความหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงการที่บรรดาผู้นำเวียดนามให้ความสนใจต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์กับอินโดนีเซีย
ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้ายังคงเป็นจุดเด่นของความสัมพันธ์เวียดนาม-อินโดนีเซีย ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงเผชิญความผันผวนและผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยการพัฒนาอย่างมั่นคงและประสบผลสำเร็จต่างๆ ที่ดีงาม ปัจจุบัน อินโดนีเซียเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่อันดับที่ 27 และอยู่อันดับที่ 5 ในภูมิภาคอาเซียนของเวียดนาม จากการลงทุนของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายราย เช่น Ciputra, Traveloka หรือ Gojek นาย Denny Abdi เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศเวียดนาม ได้มีการประเมินเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจเวียดนาม-อินโดนีเซีย ว่า
“เมื่อมองถึงมูลค่าการค้าทวิภาคีระหว่างทั้งสองประเทศ พวกเราจะเห็นได้ว่า มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด จากตัวเลข 4 พัน 8 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 2013 เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1 หมื่น 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 ซึ่งถือเป็นผลสำเร็จที่พิเศษมากๆ ของเวียดนามและอินโดนีเซีย แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจบนพื้นฐานของความสัมพันธ์มิตรภาพอันดีระหว่างทั้งสองประเทศ”
นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวก็เป็นอีกหนึ่งด้านที่เวียดนามกับอินโดนีเซียยังคงมีศักยภาพอยู่อีกมาก โดยเฉพาะในช่วงหลังวิกฤตโควิด-19 ความต้องการในการเดินทางและท่องเที่ยวของประชานทั้งสองประเทศอยู่ในระดับสูง ปัจจุบัน มีเที่ยวบินตรงระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียราว 100 เที่ยว ซึ่งอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวและนักเรียนนักศึกษาประมาณ 90,000 คน โดยเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา สายการบินเวียตเจ็ท แอร์ ของเวียดนามได้มีการเปิดเที่ยวบินฮานอย-จาการ์ตา เพื่อเสริมศักยภาพความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว นาย Denny Abdi แสดงความเห็นว่า
“จำนวนเที่ยวบินตรงระหว่างเมืองต่างๆ ของอินโดนีเซียและเวียดนามนับวันเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบัน มีเที่ยวบิน โฮจิมินห์ – เดนปาซาร์ โฮจิมินห์ – จาการ์ตา ฮานอย – เดนปาซาร์และ ฮานอย – จาการ์ตา โดยในเวลาข้างหน้า จะมีการเปิดเที่ยวบินระหว่างเมืองต่าง ๆ ของทั้งสองประเทศอีก เนื่องจากอินโดนีเซียและเวียดนามไม่มีพรมแดนทางบก ดังนั้น การเพิ่มเที่ยวบินตรงดังกล่าวจะมีส่วนช่วยเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ”
สำหรับความร่วมมือด้านการเมือง-ความมั่นคง และเศรษฐกิจ-การค้า ก็ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากและเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ในด้านอื่นๆ ในขณะที่ความร่วมมือด้านวัฒนธรรม-สังคม มีบทบาทอันยิ่งใหญ่ในการเสริมสร้างความสามัคคีระดับประชาชน โดยทุกกิจกรรมความร่วมมือนั้น ล้วนเริ่มจากความเชื่อมโยงอันดีงามระหว่างผู้คน เมื่อมองย้อนกลับไปในปี 2023 ที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศได้มีการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนด้านศิลปวัฒนธรรม รวมถึงความร่วมมือด้านการศึกษาและการแลกเปลี่ยนระดับประชาชน
การแสดงร่วมกันของคณะนักร้องประสานเสียง Timutiwa จากอินโดนีเซียและบรรดาศิลปินชาวเวียดนาม กับชุดการแสดงและขับร้องเพลง “See tình” ได้ปิดฉากงานราตรีแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเวียดนาม-อินโดนีเซีย พร้อมเสียงปรบมืออันล้นหลามของผู้ชม เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 10 ปีความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซีย นอกจากนี้ ในระยะปี 2018-2023 ยังมีการพัฒนาความร่วมมือด้านการศึกษาจากการลงนามบันทึกช่วยจำระหว่างมหาวิทยาลัยต่างๆ ในเวียดนามกับหน่วยงานและมหาวิทยาลัยหลายแห่งในอินโดนีเซีย รวม 24 ฉบับ
ในฐานะเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบและกระตือรือร้นของอาเซียนและกลุ่มประเทศใฝ่สันติภาพทั่วโลก อินโดนีเซียและเวียดนามต่างมีบทบาทเชิงรุกในการรักษาเสถียรภาพทางการเมืองพร้อมธำรงสันติภาพในภูมิภาคและโลก เอกอัครราชทูต Denny Abdi ได้เปิดเผยมุมมองเกี่ยวกับประเด็นนี้ ว่า
“สิ่งสำคัญสำหรับอาเซียนนั้นก็คือการยืนหยัดบทบาทการเป็นศูนย์กลางและความสามัคคีภายในภูมิภาค ซึ่งหมายความว่า หากมีปัญหาใดเกิดขึ้น พวกเราจะสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้เหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว สำหรับความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆ แนวทางของพวกเราคือความร่วมมือ"
ทั้งนี้ เหลือเพียงอีกสองปีเท่านั้น ก็จะถึงโอกาสฉลองครบรอบ 70 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างอินโดนีเซียกับเวียดนาม โดยในฐานะเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่พร้อมประชากรจำนวนมากในภูมิภาค รวมถึงแนวโน้มการเจริญเติบโตในเชิงบวก ทั้งสองประเทศจะร่วมกันเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียนที่นับวันแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นในอนาคต.