ภาพของพิธี |
มัสยิดAl noorมีพื้นที่400ตารางเมตร ตั้งอยู่บนถนนโบราณสายหนึ่งในกรุงฮานอย โดยมีหลังคายอดแหลม ประตูวงกลมและทาสีขาว ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของมัสยิดอินเดีย ที่แตกต่างกับบ้านใกล้เคียง เมื่อเวลา18.00น.ก่อนวันเริ่มศักราชใหม่ 1 Syawal ชาวมุสลิมกว่า200คนที่มีสัญชาติที่แตกต่างกันจะใส่ชุดแต่งกายของชาวมุสลิมเพื่อเข้าร่วมพิธีสวดมนต์ในมัสยิด ในเดือนรอมฎอนที่มีขึ้นในระหว่างวันที่15พฤษภาคม-15มิถุนายน ถ้ามีโอกาสเดินทางผ่านมัสยิดแห่งนี้ เราก็จะเห็นได้ว่า มีความคึกคักกว่าปกติ Imam Abbas ผู้นำทางศาสนาของมัสยิดAl noorได้เผยว่า “ทุกปี สถานทูตของ22ประเทศอิสลามประจำกรุงฮานอยได้มีกิจกรรมสนับสนุนชาวมุสลิมในกรุงฮานอย ปีนี้ เทศกาลอิดุลฟิตริมีขึ้นตรงกับวันที่15มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่พวกเราสามารถมองเห็นพระจันทร์เสี้ยว กิจกรรมการสวดมนต์นี้ช่วยให้ชาวมุสลิมที่มาเวียดนามก็สามารถประกอบศาสนกิจของตนและรู้สึกว่า เหมือนกำลังอยู่ในบ้านเกิด”
หลังพิธีสวดมนต์ ชาวมุสลิมจะได้รับประทานอาหารฮาลาลฟรีที่สถานทูตอินโดนีเซียได้เตรียมเอาไว้ เช่น แกงกะหรี่เนื้อ ปลาย่าง ข้าวและผัดผัก เป็นต้น ในโอกาสเทศกาลอิดุลฟิตริ กิจกรรมที่สำคัญที่สุดของชาวมุสลิมคือการสวดมนต์และการชุมนุมกับครอบครัว ทางสถานทูตอินโดนีเซียประจำเวียดนามให้ความสนใจต่อชมรมชาวมุสลิมอินโดนีเซียและสนับสนุนชาวมุสลิมในการประกอบศาสนกิจ นาง Linda Widiyanti เลขาธิการคนที่3ของสถานทูตอินโดนีเซียประจำเวียดนามได้เผยว่า “ปัจจุบัน มีผู้นับถือศาสนาอิสลาม300คนที่กำลังศึกษาและทำงานในกรุงฮานอย สิ่งที่สถานทูตอินโดนีเซียกำลังพยายามทำคือ สร้างความอบอุ่นให้แก่ชาวอินโดนีเซียในเวียดนามในเดือนรอมฎอนทุกๆวันเสาร์ สถานทูตอินโดนีเซียจะจัดพิธี Eid Al-Fitr โดยทำอาหารพื้นเมืองของอินโดนีเซีย ในวันเริ่มศักราชใหม่ 1 Syawal ทางสถานทูตฯก็ได้จัดงานเทศกาลอิดุลฟิตริ ชมรมชาวมุสลิมในเวียดนามจะร่วมกับครอบครัวมาต้อนรับปีใหม่เพื่อส่งเสริมความสามัคคีในชมรมชาวอินโดนีเซียที่อาศัยในเวียดนาม โดยเฉพาะ ชาวมุสลิม”
ทุกๆสัปดาห์ นาง Heru Farrah แพทย์อินโดนีเซียที่กำลังศึกษาในเวียดนามจะมาที่มัสยิดAl noorและสถานทูตอินโดนีเซียเพื่อร่วมกับชาวมุสลิมประกอบศาสนกิจ ปีนี้ นาง Heru Farrah ต้อนรับงานเทศกาลอิดุลฟิตริคนเดียว “ฉันไม่เคยคิดว่า ในประเทศที่มีผู้นับถือศาสนาอิสลามน้อยเหมือนในเวียดนาม จะมีศาสนสถานที่พวกเราสามารถประกอบศาสนกิจได้และสถานทูตอินโดนีเซียยังช่วยสนับสนุนพวกเราในการประกอบศาสนกิจ วันนี้ เมื่อเข้าร่วมพิธีฉลองเทศกาลอิดุลฟิตริ ฉันรู้สึกว่าเหมือนกำลังอยู่ในประเทศบ้านเกิด”
แม้จะไม่มีขนมเกอตูปัต ซึ่งเป็นขนมพื้นเมืองของชาวอินโดนีเซียในงานเทศกาลอิดุลฟิตริ ไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากับญาติมิตร ไม่มีการยิงดอกไม้ไฟและเสียงสวดมนด์ในทุกที่ แต่ชาวมุสลิมอินโดนีเซียก็ยังคงได้ฉลองงานเทศกาลอิดุลฟิตริในกรุงฮานอยอย่างอบอุ่น.