(VOVworld) – นับตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกอาเซียนเมื่อปี 1995 อาเซียนยังคงเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนการค้าสำคัญชั้นนำและเป็นพลังขับเคลื่อนที่ช่วยให้เวียดนามธำรงอัตราการขยายตัวด้านเศรษฐกิจจาก สถานการณ์ที่เป็นจริงได้พิสูจน์ให้เห็นว่า การตัดสินใจเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนคือการเปลี่ยนแปลงอันสำคัญ ที่ช่วยให้เวียดนามบรรลุผลงานสำคัญๆในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและการผสมผสานเข้ากับภูมิภาคและโลกอย่างกว้างลึกมากขึ้น

ตามรายงานสถิติของกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ในหลายปีมานี้ อาเซียนยังคงเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่อันดับที่ 3 และเป็นหุ้นส่วนจัดสรรสินค้ารายใหญ่อันดับ 2 ของเวียดนามโดยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนเมื่อปี 2013 บรรลุ 3 หมื่น 9 พัน 7 ร้อยล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2003 และคิดเป็นร้อยละ 15 ของยอดมูลค่าการนำเข้าส่งออกของเวียดนาม นอกจากนั้น ประเทศสมาชิกอาเซียนยังกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจของนักลงทุนเวียดนาม โดยเฉพาะ ลาวและกัมพูชาโดยเงินลงทุนใน 2 ประเทศนี้จนถึงเดือนเมษายนปี 2015 คิดเป็นกว่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือร้อยละ 35.5 ของยอดเงินลงทุนต่างประเทศของเวียดนาม ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าที่ได้รับการขยายมากขึ้นระหว่างเวียดนามกับอาเซียนได้มีส่วนร่วมสำคัญที่ทำให้เวียดนามหลุดพ้นประเทศด้อยพัฒนาและกลายเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางที่มีศักยภาพ เมื่อปี 1995 ยอดการขยายตัวจีดีพีของเวียดนามมีไม่ถึง 2 หมื่น 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่เมื่อปี 2014 ได้เพิ่มขึ้น 9 เท่า ส่วนจีดีพีต่อหัวประชากรเมื่อปี 1995 อยู่ที่ 289 เหรียญสหรัฐ อยู่อันดับ 10 ในภูมิภาค แต่ในปี 2014 ได้บรรลุกว่า 2 พันเหรียญสหรัฐ อยู่อันดับ 7 ตามการประเมินของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม เหงียนเกิ๋มตู๊ ปัจจุบัน ถึงแม้เศรษฐกิจเวียดนามยังพัฒนาต่ำกว่าหลายประเทศในภูมิภาค แต่ถ้าคำนึงถึงจุดเริ่มต้นของประเทศต่างๆ ผลงานที่เวียดนามได้บรรลุถือเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง“วันนี้ พวกเราสามารถเห็นได้ว่า เวียดนามมีเครื่องหมายการค้าที่มีชื่อเสียง สามารถแข่งขันกับประเทศอาเซียน โดยเฉพาะมีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีกว่าผลิตภัณฑ์จากบางประเทศอาเซียน เช่นในด้านการบริการ พวกเรามีเวียตเทล ในด้านธนาคาร พวกเรามีบีไอดีวีซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับเมื่อ 10 ปีก่อนก็จะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก”

จากการผสมผสานเข้ากับกระแสอาเซียน แรงงานเวียดนาม จะมีโอกาสมากขึ้นในการหางานทำ

การผสมผสานเข้ากับอาเซียนยังถือเป็นก้าวเดินที่ช่วยให้เวียดนามผสมผสานเข้ากับกลไกเศรษฐกิจในภูมิภาคและโลกอย่างกว้างลึกมากขึ้น เช่น WTO และ APEC โดยก่อนอื่นคือการผสมผสานเข้ากับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในปลายปี 2015 ซึ่งเพื่อปฏิบัติเป้าหมายนี้ เวียดนามและประเทศสมาชิกต่างๆของอาเซียนได้พยายามมีส่วนร่วมต่อกระบวนการเตรียมพร้อมที่ยาวนานผ่านการจัดทำและปฏิบัติมาตรการต่างๆในแผนแบบบูรณาการของเออีซีจนถึงปี 2015 รองศาสตราจารย์ ดร. เหงียนห่งเซิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยเศรษฐกิจสังกัดมหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอยได้เผยว่า ในหลายปีที่ผ่านมา เวียดนามยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่เสร็จสิ้นมาตรการมุ่งสู่ประชาคมเออีซีมากที่สุดของภูมิภาค“เวียดนามกำลังปฏิบัติมาตรการมุ่งสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเข้มแข็ง ปัจจุบัน เวียดนามได้ปฏิบัติแล้วเสร็จร้อยละ 84.5 ซึ่งอัตราเฉลี่ยของอาเซียนอยู่ที่ร้อยละ 78.1 ตามหลังสิงคโปร์และไทยเท่านั้น เวียดนามยังปรับปรุงกรอบกฎหมายอย่างเข้มแข็งเพื่อปรับปรุงบรรยากาศการประกอบธุรกิจให้แก่สถานประกอบการ”
นอกจากนั้น การเป็นฝ่ายรุกในการเข้าร่วมการสร้างสรรค์เออีซีของเวียดนามยังแสดงให้เห็นผ่านการมีข้อคิดริเริ่มต่างๆเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและได้รับการชื่นชมจากประเทศต่างๆในภูมิภาค นาย เลเจี่ยวหหยุง รองอธิบดีกรมนโยบายการค้าพหุภาคีสังกัดกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมได้เผยว่า “การเข้าร่วมในเชิงรุกของเวียดนามแสดงให้เห็นผ่านการมีข้อคิดริเริ่มหลายข้อเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกด้านการค้าที่ได้รับการปฏิบัติร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนซึ่งมีผลงานสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ เช่นระเบียบศุลกากร one stop service ปัจจุบัน เวียดนามกำลังปฏิบัติระเบียบศุลากากรแห่งชาติ one stop service มุ่งสู่การปฏิบัติระเบียบ one stop service อาเซียน อำนวยความสะดวกให้แก่กิจกรรมการนำเข้าส่งออกและระเบียบการที่อำนวยความสะดวกให้แก่กิจกรรมของสถานประกอบการ"
ในขณะที่การจัดตั้งเออีซีกำลังใกล้มาถึง นี่คือโอกาสที่ดีเพื่อให้เวียดนามเกาะติดแนวโน้มและระดับการพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาคและโลก นอกจากการสนับสนุนข้อมูลให้แก่สถานประกอบการเกี่ยวกับการผสมผสานแล้ว รัฐบาลเวียดนามยังชี้นำการปฏิบัติมาตรการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ บรรยากาศการลงทุนประกอบธุรกิจ ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและคุณภาพแหล่งบุคลากรเพื่อใช้โอกาสให้เกิดประโยชน์มากที่สุดเช่นเดียวกับการพยายามฟันฝ่าความท้าทายจากการผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจในภูมิภาค.