คณะนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซียที่มาเที่ยวเวียดนาม |
จากการตระหนักถึงศักยภาพของตลาดนักท่องเที่ยวชาวมุสลิม ตั้งแต่ปี 2022 จนถึงปัจจุบัน ได้มีการจัดการประชุมและสัมมนาต่างๆ เกี่ยวกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ในหลายจังหวัดของเวียดนาม เช่น จังหวัดกว๋างนาม นครดานัง จังหวัดเถื่อเทียน-เว้ นครโฮจิมินห์ กรุงฮานอย จังหวัดหล่าวกาย จังหวัดกว๋างนิงห์ เพื่อนำเสนอมาตรการต่างๆ ในการดึงดูดกลุ่มลูกค้าจากตลาดนี้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน นอกจากนี้ กลุ่มผู้ประกอบด้านการบริการ เช่น ร้านอาหาร โรงแรม และบริษัทนำเที่ยวหลายแห่ง ได้มีการร่วมมือกับบริษัทฮาลาลแห่งชาติเวียดนาม เพื่อปรับเปลี่ยนการให้บริการบางรายการไปในแนวทางที่เป็นมิตรต่อชาวมุสลิมตามขั้นตอนและมาตรฐานของหน่วยงานรับรองฮาลาลระหว่างประเทศเช่น MUI, JAKIM, GCC นาย เหงวียนแทงตาม ผู้จัดการใหญ่โรงแรม Delasea ในเมืองฮาลอง จังหวัดกว๋างนิงห์ เผยว่า
“พวกเราได้เตรียมความพร้อมในด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่ถูกต้องตามมาตรฐาน เช่น เชิญกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านฮาลาลมาฝึกอบรมเกี่ยวกับวัฒนธรรม ความเลื่อมใส องค์ความรู้ และกระบวนการแปรรูปอาหารฮาลาล นอกจากนี้ พวกเรายังได้จัดพื้นที่บางส่วนตามมาตรฐานฮาลาล รวมถึงห้องที่มีเสื่อและเสื้อคลุมประกอบพิธี”
ห้องพักในโรงแรม Sapa Charm (Photo: โรงแรม Sapa Charm) |
สำหรับ Sapa Charm ที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านซาปา จังหวัดหล่าวกาย เป็นหนึ่งในโรงแรมที่มีความพร้อมและเหมาะสมต่อการพัฒนาตามแนวทางที่เป็นมิตรต่อชาวมุสลิม โดยมีห้องพักที่ได้มาตรฐานสำหรับชาวมุสลิมจำนวน 25 ห้อง ห้องละหมาด พื้นที่รับประทานอาหารและครัวฮาลาล ซึ่งทางโรงแรมกำลังมุ่งเป้าที่จะสร้างฐานลูกค้าให้มีความหลากหลายในระดับโลก รวมถึงกลุ่มลูกค้าชาวมุสลิมจากอินโดนีเซีย มาเลเซีย และตะวันออกกลาง นาง โด๋ถิแทงเติม ผู้จัดการโรงแรม Sapa Charm เผยว่า
“โรงแรม Sapa Charm เพิ่งได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาลสำหรับบริการที่พักและห้องครัว ก่อนหน้านั้น พวกเราได้รับการฝึกอบรมจากบริษัท National Halal Viet Nam เกี่ยวกับห้องครัวและที่พัก ส่วนพนักงานดูแลห้องพัก พนักงานต้อนรับ พนักงานร้านอาหาร รวมถึงพนักงานซ่อมบำรุง ก็ได้เข้าร่วมหลักสูตรนี้ด้วย หลังจากที่ได้รับคำแนะนำของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น งานเลี้ยงบุฟเฟ่ต์ฮาลาล งานเลี้ยงขนมและน้ำชาฮาลาล พวกเราจึงได้จัดทำเมนูอาหารให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าชาวมุสลิม”
ด้วยการปรับเปลี่ยนใหม่วิธีการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าชาวมุสลิมที่เต็มไปด้วยศักยภาพแต่มีข้อกำหนดที่เข้มงวดหลายอย่างในด้านการบริการ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงบางแห่งในเวียดนาม เช่น เมืองซาปา เมืองฮาลอง กรุงฮานอย นครดานัง และนครโฮจิมินห์ ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศจำนวนมาก รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซีย
“ผมชื่อ Jimy จาก Surabaya เป็นครั้งแรกที่ผมได้เดินทางมาเที่ยวเวียดนามและผมก็ได้เลือก ซาปา เป็นที่หมายในทริปของตัวเอง คุณภาพการบริการที่นี่ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี บริการครบถ้วน ทั้งในเรื่องโรงแรมที่พักและอาหารการกินที่อร่อย โดยเฉพาะที่ Sa Pa Charm”
“ฉันเดินทางไปหลายประเทศแล้ว แต่เมื่อมาเวียดนาม โดยเฉพาะที่จังหวัดกว๋างนิงห์ ฉันรู้สึกเซอร์ไพรส์เป็นอย่างมากที่ได้เห็นอาหารที่คุ้นชินหลายเมนู และยิ่งไปกว่านั้นคือ เมื่อฉันทราบว่า เชฟมีความเข้าใจถึงการทำอาหารฮาลาลก็ทำให้รู้สึกดีมาก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวมุสลิมมาเวียดนามได้มากขึ้น”
ผุู้เชี่ยวชาญชาวมุสลิมจากมาเลเซียแนะนำอาหารฮาลาลใน Delasea |
จากตัวเลขสถิติของทบวงสถิติเวียดนามในรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมไตรมาสแรกปี 2024 ที่ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเวียดนามเมื่อเดือนมีนาคมปี 2024 อยู่ที่ราว 1.6 ล้านคน ส่วนภาพรวมทั้งไตรมาสอยู่ที่ 4.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 72 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเป็นร้อยละ 3.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2019 ก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยกลุ่มตลาดรอบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการขยายตัวที่ดี ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่น่ายินดีที่สะท้อนให้เห็นว่า เวียดนามนับวันเป็นประเทศที่น่าสนใจสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ นาย Paulus Purwo Nurgroho ผู้แทนบริษัท Panowama Travel จากอินโดนีเซีย เผยว่า
“ประเทศเวียดนามดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซียด้วยบริการต่างๆ ที่หลากหลาย รวมถึงทิวทัศน์ธรรมชาติ วัฒนธรรมและอาหาร ซึ่งในปีนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวอินโดนีเซียมาเที่ยวเวียดนามเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงเดือนรอมฎอนและวันหยุดอิดุลฟิตรี โดยแพ็คเกจทัวร์ซาปา 5 วันเป็นแพ็คเกจที่ได้รับความสนใจมากที่สุด นอกจากนั้น ก็จะเป็นแพ็คเกจเที่ยว นครดานัง-กรุงฮานอย-อ่าวฮาลอง-นครโฮจิมินห์ ซึ่งผมหวังว่า เมื่อเวียดนามมีการให้บริการที่รองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวมุสลิม ผลิตภัณฑ์ทัวร์ของพวกเราถึงจะสามารถเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซียที่เป็นมุสลิม ได้ง่ายขึ้น"
ทั้งนี้ ด้วยศักยภาพที่มีทั้งในด้านธรรมชาติและบุคลากร รวมถึงแนวทางการปรับเปลี่ยนในการใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เป็นจุดแข็ง ภาคการท่องเที่ยวเวียดนาม รวมถึงด้านที่พัก กำลังพยายามเตรียมความพร้อมในการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมที่ถือเป็นตลาดใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวหลังวิกฤตโควิด-19.