นาง เออร์นา โซลเบิร์ก นายกรัฐมนตรีนอร์เวย์ และนายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุก |
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ทั้ง 2 ฝ่ายได้ออกแถลงการณ์ร่วมที่ระบุว่า ในกรอบการเยือนประเทศนอร์เวย์ครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้เจรจากับนายกรัฐมนตรีเออร์นา โซลเบิร์ก เข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีฮารัลด์ที่ 5 แห่งนอร์เวย์และพบปะกับประธานรัฐสภานอร์เวย์ โดยในการเจรจาระหว่างนายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกกับนายกรัฐมนตรีเออร์นา โซลเบิร์ก ทั้ง 2 ฝ่ายได้ชื่นชมความสัมพันธ์ร่วมมือทวิภาคีด้านเศรษฐกิจที่นับวันยิ่งพัฒนาทั้งในวงกว้างและในเชิงลึก พร้อมทั้งยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะกระชับความร่วมมือด้านการค้า การลงทุนอย่างยั่งยืนและครอบคลุมและให้คำมั่นว่า จะผลักดันการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสมาคมการค้าเสรียุโรปหรือเอฟตาให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว นายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ท่านส่งเสริมให้สถานประกอบการทั้ง 2 ประเทศขยายความร่วมมือด้านการลงทุนและประกอบธุรกิจในด้านที่ให้ความสำคัญในความร่วมมือทวิภาคี เช่น เศรษฐกิจทางทะเล พลังงานแห่งสีเขียว พลังงานทางเลือก เทคโนโลยีสารสนเทศและสินค้าอุปโภคบริโภค
ทั้ง 2 ฝ่ายชื่นชมกลไกการสนทนาสิทธิมนุษยชนในเชิงสร้างสรรค์ระหว่างเวียดนามกับนอร์เวย์ พร้อมทั้งเห็นพ้องเกี่ยวกับความสำคัญของการบริหารประเทศด้วยอำนาจกฎหมาย สิทธิมนุษยชน การปฏิบัติแถลงการณ์ว่าด้วยหลัการพื้นฐานและสิทธิในที่ทำงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือ ILO และคำมั่นที่ถูกระบุในข้อตกลงการค้าเสรีทั้งในระดับภูมิภาคและโลก
ทั้ง 2 ฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะธำรงการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับ จัดการประชุมทาบทามความคิดเห็นด้านการเมืองระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประจำทุกปีและกลไกการสนทนาทวิภาคีเกี่ยวกับปัญหาต่างๆที่ให้ความสนใจร่วมกัน พร้อมทั้งย้ำถึงคำมั่นในการฏิบัติเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนและครอบคลุมตามระเบียบวาระการประชุมปี 2030 ของสหประชาชาติและรับทราบกิจกรรมสำคัญของประเทศต่างๆเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ปัญหาน้ำทะเลหนุนและปัญหาขยะพลาสติก
ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะขยายความร่วมมือในการประชุมต่างๆในภูมิภาคและโลก โดยเฉพาะในกรอบสหประชาชาติ กรอบความสัมพันธ์คู่เจรจาระหว่างอาเซียนกับนอร์เวย์ การประชุมความร่วมมือเอเชีย-ยุโรป พร้อมทั้งสนับสนุนความพยายามส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือและมิตรภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนยืนยันอีกครั้งถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเลปี 1982 และเรียกร้องให้ฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาการพิพาทด้วยสันติวิธีและสอดคล้องกับกฎหมายสากล.